สังคม

สงบศึกกะเทยไทย-ปินส์ กอดกันหลังไกล่เกลี่ย ปินส์ขอโทษ ศาลสั่งปรับคนละ 5 พัน

โดย passamon_a

7 มี.ค. 2567

134 views

สงบศึกกะเทยไทย-ฟิลิปปินส์ หลังไกล่เกลี่ย หนุ่มแชมป์จ่าย 10,000 บาท ไอวี่กะเทยฟิลิปปินส์ไม่ติดใจเอาความ จับมือ กอดกัน - ศาลสั่งปรับกะเทยฟิลิปปินส์ คนละ 1 หมื่นบาท ร่วมกับพวกรุมทำร้าย 6 กะเทยไทย เป็นเเผลฟกช้ำ รับสารภาพเหลือปรับคนละ 5 พันบาท


ความคืบหน้ากรณีการเปิดศึกกะเทย ระหว่างกะเทยไทยและกะเทยฟิลิปปินส์ เมื่อคืนวันที่ 4 มี.ค.67 ที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ตำรวจนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ย คือนายแชมป์ และกะเทยฟิลิปปินส์หนึ่งคนที่ถูกนายแชมป์ทำร้ายร่างกาย โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญทั้งสองฝ่ายเข้าไปในห้องประชุม เจ้าหน้าที่จากสถานทูตฟิลิปปินส์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ร่วมเจรจาไกล่เกลี่ยด้วย


หลังเจรจาไกล่เกลี่ยกว่า 2 ชั่วโมง พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า จากการเจรจาไกล่เกลี่ยร่วมกัน ก็ถือว่าจบด้วยดี ผู้เสียหายชาวฟิลิปปินส์ไม่ได้ติดใจเอาความ ซึ่งในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บก็ไม่ติดใจจะดำเนินคดี รวมถึงผู้อื่นในเหตุตะลุมบอนวันศึกกะเทยไทยและฟิลิปินส์ คืนวันที่ 4 มี.ค.


ส่วนตัวนายแชมป์ ได้มีการช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาล 10,000 บาท ให้ผู้บาดเจ็บ ซึ่งพบว่าตามใบหน้าและลำคอ มีรอยฟกช้ำ และรอยข่วนจำนวนมาก เบื้องต้นผู้เสียหายต้องรักษาตัว 14 วัน


กรณีเรื่องของการค้าประเวณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 บอกว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะชาวฟิลิปปินส์เข้ามาไทย ตามมาตรการฟรีวีซ่า 30 วันอย่างถูกต้อง เมื่อทีมข่าวถามว่า แล้วที่มีคนให้ข้อมูลว่า สาวเหล่านี้เข้ามาผ่านการติดต่อของแม่แท็ก หรือนายหน้าส่งผู้หญิงมาค้าประเวณี ผู้บังคับการฯ บอกว่า ไม่เคยรู้จักคำว่าแม่แท็กมาก่อนเลย ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เดี๋ยวจะให้ฝ่ายสืบสวนไปหาข้อมูล


ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่า กลุ่มค้าบริการของฟิลิปปินส์ ส่งส่วยให้กับตำรวจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ยืนยันว่าประเด็นนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริง และจากการตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวไม่พบว่ามีการค้าบริการแต่อย่างใดแต่อย่างใด


ทางด้าน Mr.JAYMAR TIMWAT หรือ ไอวี่ ผู้เสียหายชาวฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ตนเองอยากจบปัญหาทุกอย่าง และอยากมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันจะดีกว่า ยืนยันว่าในคืนเกินตนเองไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่แค่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้เป็นกลุ่มยั่วยุ แต่เป็นเพื่อนกับกลุ่มที่มีเรื่อง โดยหลังจากนี้จะเดินทางกลับประเทศฟิลิปินส์ทันที และยังไม่มีแพลนจะเดินทางกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทย


ด้าน นายแชมป์ กล่าวขอบคุณผู้เสียหาย ที่ยอมไกล่เกลี่ยทำให้ตนเองไม่มีคดีความ เป็นการจบลงด้วยดี ทำให้ความสัมพันธ์ต่าง ๆ เป็นไปในทางที่ดีขึ้น เบื้องต้นได้ขอโทษผู้เสียหาย เพราะสิ่งที่ทำเป็นคือความรุนแรง และตอนนั้นทำลงไปด้วยอารมณ์โกรธ แต่พอมาคุยกันแล้วความรุนแรงไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไปไม่ได้สนับสนุนให้เกิดการใช้ความรุนแรง ก่อนจะทิ้งท้ายบอกกับไอวี่ว่า "ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย" จากนั้นทั้งสองคนกับจับมือกัน มอบเงินและกอดกัน ก่อนจะจบด้วยการไหว้ขอโทษ


ในส่วนของคดีความนั้น แยกเป็นสองส่วน โดยในส่วนของนายแชมป์ที่ตกเป็นผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายกะเทยฟิลิปปินส์ ก็ได้จบลงด้วยการไกล่เกลี่ยเรียบร้อยแล้ว ส่วนคดีที่กะเทยไทยทำร้ายกะเทยฟิลิปปินส์นั้น ก็ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์บุคคลที่ก่อเหตุ แต่ฝั่งฟิลิปปินส์ยังไม่มีใครมาแจ้งความ


ส่วนอีกคดีเป็นฝั่งของกะเทยฟิลิปปินส์ที่ทำร้ายร่างกายกะเทยไทย พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้นำตัวนายมิรันด้า และนายแคสโตร 2 กะเทยฟิลิปปินส์ ที่รุมทำร้าย 6 กะเทยไทย เมื่อคืนวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา หรือคืนก่อนเหตุการณ์ชุลมุน ไปส่งฟ้องในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้ต้องหาคนแรกใส่แว่นดำและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ส่วนอีกคนใส่เสื้อมีฮู้ดคลุมและก้มหน้าตลอดเวลา


เมื่อทั้งสองออกมาจากห้องสอบสวน พบผู้สื่อข่าวก็ได้ยกมือไหว้ ขอโทษ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กะเทยฟิลิปปินส์ บอกว่า "ฉันอยากจะขอโทษชาวไทย ฉันรักชาวไทยและฉันรักชาวฟิลิปปินส์ ฉันขอโทษทุกคนที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ฉันแค่เข้าใจผิด แต่ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับพวกเรา ฉันหวังว่าทุกอย่างจะโอเค" ก่อนจะขึ้นรถตู้ตำรวจและเดินทางออกไปจาก สน.ลุมพินี โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหาทุกอย่างว่าก่อเหตุจริง


ต่อมา ศาลแขวงพระนครใต้ อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ 470/2567 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 ยื่นฟ้องด้วยวาจา นายจอห์น ริช มิรันด้า (MR.JOHN RICH MIRANDA) นายคริสเตียน คัลมา คัสโตร (MR.CHRISTIAN CASTRO) สัญชาติฟิลิปปินส์ เป็นจำเลย ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ


คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.67 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกอีกหลายคนซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันทำร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกันรุมทำร้าย ผู้เสียหายทั้ง 6 โดยใช้มือดึงศีรษะ และใช้กำปั้นชกต่อยผู้เสียหายทั้ง 6 ที่บริเวณใบหน้า ลำตัวผู้เสียหายทั้งหก อย่างแรง จำนวนหลายครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลฟกช้ำ เเผลถลอก บริเวณที่ต่าง ๆ


เหตุเกิดที่แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ โดยก่อนเริ่มพิจารณา สอบแล้วจำเลยทั้งสองพูด และฟังภาษาไทยไม่ได้ โดยสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ จึงดำเนินกระบวนพิจารณาผ่าน ล่ามแปลภาษาอังกฤษ ซึ่งสาบานตนแล้ว ศาลสอบถามจำเลยทั้งสองเรื่องทนายความ จำเลยทั้งสองไม่มีและไม่ต้องการทนายความ จึงอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยทั้งสองฟังและได้ดำเนินกระบวนการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพหน้าที่ตามกฎหมาย ตลอดจนแนวทางในการบรรเทาความเสียหายแก่ผู้เสียหาย


จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ปรับคนละ 10,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับคนละ 5,000 บาท


ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำตัวสองคน พร้อมเอกสาร ส่งไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อพิจารณาผลักดันออกนอกประเทศ ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/vphAtOEQ3k8

แท็กที่เกี่ยวข้อง  กะเทยไทย ,กะเทยฟิลิปปินส์

คุณอาจสนใจ

Related News