รองผู้ว่าฯสั่งทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกรณีชาวต่างชาติเตะหมอสาว

นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีชาวต่างชาติกับแพทย์หญิงที่เป็นข่าวดังในขณะนี้ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดได้นัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว พร้อมสั่งกําชับทุกหน่วยให้ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ในทุกประเด็นของการแจ้งความ ส่วนทางคดีทราบว่าได้มีการเรียกคู่กรณีมาสอบปากคําแล้ว โดยมีการปฏิเสธในชั้นสอบสวน ส่วนระดับต่อไปขึ้นอยู่กับกระบวนการทางศาล

ทั้งนี้ได้กําชับให้ดำเนินด้วยความเป็นธรรมและต้องให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ส่วนประเด็นต่อมาเรื่องของการตรวจสอบสิทธิ์การเข้าอยู่ ทั้งในเรื่องของวีซาหรือการประกอบอาชีพของต่างชาติ เข้าข่ายเป็นมาเฟียหรือกระทําสิ่งผิดกฎหมายด้านใดหรือไม่ เพราะมีการขุดคุ้ย ซึ่งแต่ละประเด็นอาจจะเข้าข่ายการกระทําการคุกคามข่มขู่ผู้อื่นให้เกิดความหวาดกลัว และให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายการกระทําผิดกฎหมายด้านอื่นหรือไม่ นอกจากนี้การตรวจสอบการจดทะเบียนมูลนิธิ ได้สั่งให้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นการดำเนินกิจการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากพบไม่ถูกต้องจะเพิกถอนมูลนิธิ โดยให้นายทะเบียนทําหนังสือถึงอัยการยื่นต่อศาล และในส่วนของธุรกิจปางช้าง ธุรกิจนําเที่ยวได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียด

นายกองเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับประเด็นวีซาของนายเดวิดที่จะครบการพำนักประมาณวันที่ 10-13 มีนาคมนี้ ซึ่งหากระบวนพิจารณาคดีต่างๆ ยังไม่แล้วเสร็จ จะมีการการพิจารณาอนุมัติเพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่อไป แต่หากทุกคดีสิ้นสุดจะมีการพิจารณาไม่ต่อวีซาหรือไม่นั้นเป็นไปตามการพิจารณาของตม.ต่อไป

อย่างไรก็ตามในส่วนของคดีแรงงานหรือสวัสดิการคุ้มครองแรงงานที่ลูกจ้างร้องเรียนนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งดำเนินการตามกฎหมายแรงงาน และเรื่องปัญหาที่ดินสาธารณะซึ่งทุกแห่งเป็นสมบัติของแผ่นดิน ประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ โดยได้ให้ท้องถิ่นออกคำสั่งให้รื้อถอนบันไดหรือว่าสิ่งปลูกสร้างภายใน 30 วัน หากครบกำหนดท้องถิ่นต้องทำการรื้อถอนเองและเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดและทางจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเน้นย้ำให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของคนไทยและได้สั่งการให้ทุกอำเภอและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมต่างชาติที่เข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการกับกลุ่มมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลที่มีพฤติกรรมคุกคามข่มขู่ และประกอบอาชีพผิดกฎหมายต่าง ๆ

ด้าน นายสุทัศน์ นิยมไทย ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยนาย เฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต เขต 2 พรรคก้าวไกล และหน่วยงานภาครัฐลงพื้นที่ลุยตรวจปางช้าง พื้นที่ต.เชิงทะเล หลังมีประเด็นเชื่อมโยงกับบุคคล กรณีแพทย์หญิงโดนทำร้าย ณ หาดยามู ต.ป่าคลอก จ.ภูเก็ต


นาย เฉลิมพงศ์ กล่าวว่าจากการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ประจำปาง พบว่าปางแห่งนี้มีช้างทั้งสิ้น 14 เชือก มีช้าง 1 เชือกที่ซื้อมา ส่วนอีก 13 เชือกเป็นการเช่า และมีพนักงานเกือบ 70 คน โดยมีการจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท โดยมีการเก็บค่าเข้าเด็ก 1,500 บาท/คน ส่วนผู้ใหญ่ 2,500 บาท/คนข้อมูลจากเอกสารทั้งหมดของวันนี้ ผมจะยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและในชั้นกรรมาธิการ เพื่อสร้างความโปร่งใสให้แก่ประชาชนต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนของช้างทั้ง 14 เชือก เป็นช้างที่มีเอกสารถูกต้องทุกเชือกซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบก่อนหน้านี้แล้ว