สังคม

ตม.เผยวีซา “เดวิด” หมดอายุ 13 มี.ค. ยันไม่ต่อวีซาธุรกิจให้

โดย gamonthip_s

5 มี.ค. 2567

493 views

พันตำรวจเอก ปริญญา กลิ่นเกษร รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 และรองโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีปมการเพิกถอนวีซ่าของนายเดวิด ว่า ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ส่งรายงานการสืบสวน มาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ตแล้ว ซึ่งอำนาจในการเพิกถอนจะขึ้นอยู่กับผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 ที่ดูแลพื้นที่จังหวัดภูเก็ต



นายเดวิดตอนนี้ได้ถือวีซาประเภทธุรกิจ ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 13 มี.ค. 67 นี้ ซึ่งถ้านายเดวิดไม่ต่อวีซา ก็จะเป็นคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยใบอนุญาตสิ้นสุด แต่หากมาต่อวีซา ทางตม.ก็จะไม่ต่อวีซาธุรกิจให้ แต่จะต่อเป็นวีซาสำหรับการต่อสู้คดี ซึ่งให้ชาวต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อต่อสู้คดีความได้ วีซามีอายุ 90 วัน และสามารถต่อได้จนกว่าคดีความจะถึงที่สุด แต่จะไม่สามารถประกอบธุรกิจได้แล้ว


สำหรับขั้นตอนการเพิกถอนวีซาตม.ภูเก็ต จะประมวลข้อมูลพยานหลักฐานใช้ดุลยพินิจดูว่า เข้าข่ายบุคคลต้องห้ามเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ไม่มีหนังสือเดินทาง / ทำงานที่ชาวต่างชาติห้ามทำ / ไม่มีเงินยังชีพ / เคยต้องโทษ โดยศาลไทยหรือศาลต่างประเทศ พิพากษาจำคุก เป็นต้น ถ้าเข้าข่ายก็สามารถเพิกถอนวีซาได้เลย แต่ต้องมั่นใจในพยานหลักฐาน โดยเฉพาะเรื่องพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นภัยต่อสังคมต้องให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เป็นการใช้อำนาจทางการปกครองเกินขอบเขต แต่การเพิกถอนวีซาโดยส่วนใหญ่ ตม. จะอาศัยคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลเป็นหลักเพราะผู้ต้องหาหมดสิทธิในการต่อสู้คดีแล้ว ซึ่งไม่ต้องใช้ดุลพินิจ



หากมีการเพิกถอนวีซาจะขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตลอดชีวิต ต่อให้มีการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ก็ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้เพราะตม.จะตรวจสอบจากอัตลักษณ์บุคคลและลายนิ้วมือเป็นหลัก



แต่บุคคลที่ถูกเพิกถอนวีซาก็ยังมีสิทธิในการขอยื่นปลดรายชื่อตนเองออกจากบัญชีแบล็คลิสต์ได้ หลังผ่านการถูกเพิกถอนวีซาไปแล้ว 5 ปี แต่จะได้รับอนุญาตหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

คุณอาจสนใจ

Related News