สังคม

ผู้ว่าฯ เร่งให้ความช่วยเหลือชายพิการโยกสามล้อเข้ากรุงเทพฯ

โดย gamonthip_s

5 ก.พ. 2567

251 views

ตามที่ปรากฏข่าวเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 4 ก.พ.67 ว่านายมณฑล อายุ 48 ปี หมู่ 7 ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ได้เดินทางด้วยรถสามล้อโยก เพื่อไปที่กรมบัญชีกลาง ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อยืนยันตัวตน เนื่องจากถูกตัดสิทธิ์คนพิการ ขณะนี้เดินทางถึงจังหวัดอ่างทองแล้วนั้น


เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังทราบเรื่องดังกล่าวนายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้สั่งการให้สำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุโขทัยเร่งตรวจสอบ และให้ความช่วยเหลือ ซึ่งได้ประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอ่างทองเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริง และดูแลในเบื้องต้นแล้ว


จากการสอบถามข้อมูลในพื้นที่ทราบว่านายมณฑล เคยมีบัตรประจำตัวคนพิการ แต่ขณะนี้ตรวจสอบในระบบข้อมูลไม่พบชื่อ ที่ผ่านมาเคยได้รับเบี้ยยังชีพคนพิการ แต่ย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านไป กำลังตรวจสอบว่าเหตุใดชื่อในระบบข้อมูลจึงหายไป และต่อมาอำเภอศรีสัชนาลัยได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่แล้ว ปรากฏข้อมูลพบเหตุส่วนตัวบางประการที่เป็นเหตุให้ถูกตัดสิทธิ์คนพิการ โดยนายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ และให้ความช่วยเหลือผู้พิการรายดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไปแล้ว


ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางประเทือง อายุ 71 ปี มารดานายมณฑล ว่า ลูกชายมาอยู่ที่บ้านได้เพียง 2-3 ปี และได้หายตัวไปช่วงปี 2562 เงียบหายไม่เคยติดต่อทางบ้าน จนมาเจอตัวตามข่าวตนเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็หายตัวไปนานตั้งแต่ออกจากโรงเรียนว่าไปทำงาน จนกระทั่งกลับมาบ้านในสภาพพิการ และก็หายตัวไปเมื่อปี 2562 ดังกล่าว ทำให้ไม่ค่อยรู้เรื่องลูกชายมากนักเพราะเจ้าตัวไม่ยอมติดต่อทางบ้านทำให้ไม่ทราบข่าวคราว นางประเทืองกล่าว


ด้านนายณรงค์ นายกอบต.แม่สำ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นายมณฑล ได้กลับมาบ้านในสภาพพิการเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ขณะนั้นตนเองเป็นรองนายกอบต.อยู่ได้ ทำเรื่องคนพิการให้พร้อมนำรถวีลแชร์ไปมอบให้พร้อมกับอุปกรณ์ในการทำมาหากินเลี้ยงชีพ เป็นพวกเครื่องไม้เครื่องมือในการแกะสลักงานไม้เนื่องจากนายมณฑลมีฝีมืองานช่างด้านนี้ เพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่ต่อมาเจ้าตัวก็ไม่เห็นสนใจอะไรมากมายและก็หายตัวไปจากหมู่บ้าน ไม่มีการติดต่อทางบ้านหรือทางอบต. ในเรื่องของเบี้ยยังชีพคนพิการจนกระทั่งไปโผล่ที่อ่างทองตามที่เป็นข่าว ซึ่งทางตนเองยินดีที่จะรับตัวกลับมาบ้านเพื่อให้การช่วยเหลือตามขั้นตอน และระเบียบทางราชการต่อไป


ขณะที่ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายเอกสิฏฐ์ นายอำเภอศรีสัชนาลัยว่าจากการประสานไปทางหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พบตัวนายมณฑล ล่าสุดพบตัวอยู่ในพื้นที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งรองผู้ว่าฯ, พัฒนาสังคมจังหวัด, ตำรวจ, จนท.กู้ภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามพูดคุยเกลี้ยกล่อมจะพาตัวขึ้นรถกลับมายังจังหวัดสุโขทัย เพื่อทำเรื่องให้ได้รับสิทธิคนพิการ และช่วยเหลือดูแลในด้านต่าง ๆ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมขึ้นรถกลับสุโขทัยแถมยังนิ่งเฉยไม่พูดไม่จาซึ่งจนท.ยังคงพูดคุยต่อไป


"ทั้งนี้จากการสอบข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นายมณฑลไม่ยอมอยู่บ้านหายตัวไปไม่มีการติดต่อเพราะทะเลาะกับบิดามีการทำร้ายบิดา และหายตัวออกจากบ้านไป สำหรับอุปนิสัยส่วนตัวทราบว่าเป็นคนใจร้อนอารมณ์รุนแรงทะเลาะกับครอบครัวหลายครั้งจนกระทั่งหายตัวไป"


จากการตรวจสอบพบว่า นายมลฑลฯ เคยอาศัยอยู่บ้าน ม.7 ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย และต่อมา ปี 2563 ได้ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นโดยไม่มีใครทราบเนื่องจากเจ้าตัวไม่ยอมบอก ประกอบกับมีปัญหาทะเลาะกับครอบครัว นายมลฑลฯ เป็นคนมีอารมณ์รุนแรงเคยขู่ฆ่าบิดามารดาหลายครั้ง ซึ่งนายมลฑลฯ ได้มีการแจ้งย้ายเข้าบ้าน ม.7 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เมื่อ 8 พ.ค.2563 ทางญาติและสมาชิกอบต.ที่รู้จักคุ้นเคยกันได้เคยไปตามหาตัวแต่ไม่พบ ต่อมาได้มีการย้ายชื่อนายมลฑลฯ เข้าทะเบียนบ้านกลาง 1 ต.วังลึก อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เนื่องจากถูกหมายจับคดีอาญาที่ สน.บางซื่อ ทำให้ไม่ได้รับเบี้ยผู้พิการ


ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ม.ค.67 นายมลฑลฯ ได้มาติดต่อขอทำบัตรประชาชนที่สำนักทะเบียน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย จนท.สำนักทะเบียนฯ แจ้งว่าไม่สามารถออกบัตรได้ เนื่องจากในข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของนายมณฑล เพชรสังข์ ปรากฏหมายจับ เลขที่ 1655/2559 สน.บางซื่อ ในคดีอาญา วันเดือนปีที่ออกหมายจับ 30 สิงหาคม 2559 สถานะข้อมูลดำเนินการย้ายเข้าทะเบียนบ้านกลาง จนท.สำนักทะเบียนอำเภอศรีสัชนาลัย ได้สอบถามนายมลฑลฯ แจ้งว่าเจ้าตัวเคยถูกดำเนินคดีแล้ว จนท.จึงสอบถามหาใบบริสุทธิ์ ซึ่งเจ้าตัวแจ้งว่าเอกสารสูญหาย จนท.จึงแนะนำให้ไปติดต่อ สภ.ศรีสัชนาลัย เพื่อให้ประสานขอหลักฐานแสดงคดีถึงที่สุดกับทาง สน.บางซื่อ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการปลดล็อครายการทะเบียนราษฎร์ และจนท.ยังได้แจ้งกับนายมลฑลฯ ว่าเมื่อถึง สภ.ศรีสัชนาลัย แล้วให้ สภ.ศรีสัชนาลัย โทรติดต่อกลับมาสอบถามที่สำนักทะเบียนอำเภอ เพื่ออธิบายข้อเท็จจริงให้ทราบ และเมื่อได้รับเอกสารหลักฐานแล้ว ให้กลับมาติดต่อสำนักทะเบียนอำเภอศรีสัชนาลัย เพื่อดำเนินการต่อไป แต่ปรากฏว่าในวันดังกล่าวไม่มีการติดต่อกลับมา จนมาปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์ดังกล่าว


ทั้งนี้หากได้หลักฐานคดีถึงที่สุดหรือใบบริสุทธิ์ สำนักทะเบียนอำเภอศรีสัชนาลัยจะได้ติดต่อสำนักทะเบียนอำเภอศรีสำโรง เพื่อทำการปลดล็อกรายการในทะเบียนราษฎร์ให้ แล้วจึงจะสามารถทำบัตรประจำตัวประชาชน และติดต่อขอรับเบี้ยผู้พิการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่นายมณฑลฯ มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านได้

คุณอาจสนใจ

Related News