"ครูชัยยศ" ขอต่อสู้ถึงที่สุด เดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมเพื่อล้างมลทินให้ตัวเอง

“ครูชัยยศ” เผยจำยอมถูกปลดออกราชการหลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฐานเป็นกรรมการตรวจรับโครงการอาหารกลางวันที่พบมีการเบียดบังงบประมาณ อย่างไรก็ตามยังยืนยันความบริสุทธิ์ และจะขอต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมล้างมลทินให้ตัวเอง แจงเหตุผลที่เซ็นชื่อเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นเพียงการตรวจนับให้ครบตามจำนวนเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อ และเป็นห่วงนักเรียนจะไม่ได้กินข้าว

จากกรณีนายชัยยศ หรือ “ครูชัยยศ” อดีตครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านยางเปา อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัย ฐานเป็นกรรมการตรวจรับโครงการอาหารกลางวัน แต่ละเลยหน้าที่จนเกิดการทุจริตเบียดบังงบประมาณอาหารกลางวัน โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 มีคำสั่งปลดออกราชการ และทำให้นายชัยยศ ต้องหันมาขายโรตีเลี้ยงชีพในปัจจุบัน

ที่จังหวัดเชียงใหม่ “ครูชัยยศ” เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับตัวเองจนทำให้ต้องถูกปลดออกจากราชการครูที่เป็นอาชีพที่รักและทุ่มเททำหน้าที่มาตลอดเกือบ 30 ปี โดยการถูกปลดออกราชการดังกล่าวนี้ ถือเป็นภาวะจำยอม เพราะมั่นใจและขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจของตัวเองว่าไม่เคยทำการทุจริตแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่ระเบียบกฎหมายตามตัวอักษรกลับชี้ว่ามีความผิด โดยไม่ได้ดูที่เจตนาเลย

ทั้งนี้ตัวเองยอมรับว่าเซ็นชื่อจริง แต่เป็นเพียงการเซ็นชื่อตรวจรับอาหารกลางวันว่ามีจำนวนครบถ้วนหรือไม่เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นกับการจัดซื้อเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งเป็นการทำหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาด้วยความเข้าใจว่าให้ทำหน้าที่เพียงการตรวจนับเท่านั้น และที่สำคัญตัวเองยอมที่จะทำหน้าที่นี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้เรื่องดังกล่าวนี้เลย เพราะคำนึงถึงประโยชน์ของนักเรียนเป็นหลัก เนื่องจากหากไม่มีการเซ็นรับ หมายความว่าวันนั้นเด็กนักเรียนจะไม่ได้อาหารกินกัน

สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากโดนปลดออกจากราชการนั้น “ครูชัยยศ” บอกว่า มีด้วยกันหลายอย่าง ทั้งเรื่องรายได้ และภาระหนี้สิ้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือผลกระทบทางด้านจิตใจ จากการที่ตัวเองต้องมาแปดเปื้อนมลทิน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทุจริตหรือทำความผิดใด ๆ ซึ่งความตั้งใจในเวลานี้คือจะต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อเรียกร้องความถูกต้องเป็นธรรมให้กับตัวเองจนพ้นมลทิน โดยเบื้องต้นได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งปลดออกราชการแล้ว และเตรียมจะยื่นฟ้องศาลปกครองต่อไป ส่วนการขายโรตีนั้น เป็นอาชีพเสริมที่ทำมานานแล้วเป็นครั้งคราวตามโอกาส แต่สิ่งที่จะทำเป็นหลักในเวลานี้คงเป็นการต่อสู้เพื่อล้างมลทินให้ตัวเองมากกว่า