สังคม
ลูกชายเหยื่อทางเลื่อนดอนเมือง รับอยากให้มีคนรับโทษ เหตุประมาท แต่แม่ขอไว้ อยากให้เป็นบทเรียน
โดย petchpawee_k
27 ก.ค. 2566
70 views
ทอท. แถลงผลสอบสวนกรณีผู้โดยสารเท้าติดทางเลื่อนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องตัดขาทิ้งพบเกิดจากอุปกรณ์แผ่นรองชำรุด น็อตหลุดทีละตัวจนตัว จนผู้บาดเจ็บไปเหยียบจึงทำให้เกิดการยุบตัวลง ยันพร้อมชดใช้เยียวยาทุกกรณี ด้านลูกชายคาใจ เหตุประมาทอยากให้มีคนรับโทษแต่คุณแม่ไม่ต้องการให้ถือเป็นบทเรียน นำไปแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้น ส่วนเรียกร้องค่าเยียวยานั้นขอปรึกษากับทางครอบครัวยอมรับไม่รู้จะเรียกราคาเท่าไหร่ เพราะขาของแม่ไม่สามารถประเมินเป็นราคาได้
ความคืบหน้าผู้โดยสารประสบเหตุเท้าติดทางเลื่อนที่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทั้งส่วนของทอท.และส่วนกลางเป็นคนนอกเข้ามาช่วยตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสผ่านไป 22 วันเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) ได้รับคำตอบที่ชัดเจนแล้ว
โดย นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีผู้แทนจากผู้บาดเจ็บเข้าร่วมด้วย ที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ได้จัดการประชุมเพื่อตรวจข้อเท็จจริง ทั้งพยานหลักฐานและพยานวัตถุ รวมถึงข้อมูลจากการให้ถ้อยคำของผู้เกี่ยวข้องพบ 1.พยานวัตถุ 10 ชิ้น 2.หลักฐานเอกสาร 23 รายการ และ 3.การให้ถ้อยคำผู้เกี่ยวข้อง 34 ราย
จากนั้นมอบหมาย ให้เรืออากาศเอกธรรมาวุธ นนทรีย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เปิดเผยข้อมูล ว่า “สาเหตุจากทางเลื่อนที่เกิดเหตุมีปัญหา แผ่นพื้นหลุดออกจากโครงยึดทำให้เกิดช่องว่าง ส่งผลให้ผู้โดยสารหล่นลงไปได้รับบาดเจ็บสาหัส”
ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวติดตั้งตั้งแต่ปี 2530 ใช้มา 28 ปีแล้ว มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี 2558 โดยมีผู้ว่าจ้างเป็นตัวแทนของบริษัท และที่ผ่านมามีการรายงานซ่อมบำรุง แต่ไม่ได้ระบุว่ามีการเปลี่ยนแผ่นพื้นและตัวน็อตยึดแผ่นพื้น “ทำให้ แผ่นทึ่เกิดเหตุนี้น็อตหลุด ไม่พร้อมใช้งาน เกลียวไม่มี และทางเลื่อนนี้มีเซนเซอร์ 5 ชนิด แต่ไม่มีเซนเซอร์ที่ป้องกันหากเกิดกรณีแผ่นพื้นหลุด “ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาแล้วพบว่า สาเหตุเกิดจากอุปกรณ์ และอาจจะมาจากการตรวจสอบที่ไม่ครบถ้วนของวิศวกร”
ทีมข่าวสอบถาม ผอ ทอท. ว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอุปกรณ์ที่ชำรุด จนเกิดเหตุให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บสาหัสและทุพพลภาพต้องมีผู้ถูกดำเนินคดีหรือไม่เพราะเข้าข่ายประมาท โดยเรื่องนี้ ผอ.ทอท ระบุว่า เรามีคณะกรรมการตรวจสอบและแต่ส่วนเรื่องการดำเนินคดีขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจว่าจะดำเนินคดีกับใครบ้างเพราะกรณีที่เกิดขึ้นก็ยอมรับผิดว่าเกิดจากปัญหาของอุปกรณ์
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากรณีนี้ก่อนหน้านี้มีการแถลงว่ามีการตรวจสอบทุกวันก่อนที่จะมีการเปิดให้บริการกับผู้โดยสารส่วนซึ่งหากมีการตรวจสอบจริงเหตุใดทำไมถึงไม่พบการชำรุดนี้หรือว่าที่จริงเป็นเรื่องโกหกหรือเข้าใจคาดเคลื่อนหรือไม่ ผอ ทอท. ระบุว่าเรื่องนี้มีการตรวจสอบและดำเนินกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วทั้งนี้ ยืนยันเยียวยา "คนเจ็บ" อย่างถึงที่สุด
ส่วนประเด็นเรื่องการเยียวยาดูแลผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บจนทุพพลภาพ นั้น ผอ.ทอท. กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุเราดูแลอย่างดีมาตลอด ได้มีการเข้าเยี่ยมและติดตามกระบวนการรักษาจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมรับผิดชอบดูแลค่ารักษาพยาบาล และจะดำเนินการเรื่องค่าชดเชยเยียวยาผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด ซึ่งในส่วนของญาติก็รอสอบถามตัวเลขการเยียวยาจากทางทอท. แต่ทาง ทอท. ไม่ขอเปิดเผยตัวเลข ขอให้ผู้เสียหายทำตัวเลขที่ต้องการให้เยียวยาดีกว่า ซึ่งเป็นไปตามปกติทุกเคส และกระบวนการนี้ ทอท.ไม่ได้ปล่อยให้ผู้เสียหายไปหารือเอง แต่จะเข้าไปช่วยหารือ เพื่อให้ผู้เสียหายมั่นใจเพียงพอในการดูแลผู้บาดเจ็บ
จากนี้การดูแลสนามบิน ก็เตรียมที่จะดำเนินการ พิจารณาเปลี่ยนทางเลื่อนของสนามบินดอนเมืองทั้งหมดเนื่องจาก 6 สนามบินที่ดูแลอยู่นั้นพบว่าที่สนามบินดอนเมืองมีการใช้งานมายาวนานมากที่สุดส่วนสนามบิน อื่นๆก็ได้สั่งให้มีการตรวจสอบดูแล
-------------------------------------------------
คณะกรรมการตรวจสอบ พบ เวลาเพียง 24 วินาที ผู้โดยสารหล่น โดยแผ่นที่หลุด น็อตค่อยๆหลุด และเลื่อนไปเรื่อยๆใกล้สุดทางจึงร่วงและโดนหนีบ ตรวจกล้องวงจรปิดไม่ จนท. ตรวจความปลอดภัย ตรวจก่อนเกิดเหตุ
เรืออากาศเอกธรรมาวุธ นนทรีย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กล่าวว่า แผ่นเหล็กคือตัวสำคัญ ของทางเลื่อน ซึ่งมีน็อต 4 จุด แต่น๊อตหลุดก่อน 3 ตัว เหลือแค่ตัวเดียว และช่วงจังหวะที่เลื่อนผ่านไปจนสุดจังหวะผดส ก็เหยียบพอดี แผ่นนี้ก็ร่วงลงไป ก่อน หน้านี้ที่มีข่าวว่ามีการดูดลงไปนั้นไม่เป็นความจริงแต่ที่จริงคือร่วงลงไปเลยเพราะแผ่นน็อตหลุด ซึ่งน๊อต 3 ตัวนี้ หลุดซึ่งอาจเกิดจากการใช้งาน ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะหลุดอยู่แล้วแต่ผู้โดยสารที่เดินทางไปก่อนไม่ได้อยู่ในช่วงจังหวะที่มาเจอแผ่นที่เกิดปัญหานี้จึงไม่ได้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
การทำลานของทางเลื่อนเมื่อสุดปลายทางเลื่อน จะเป็นทางโค้งแล้วม้วนลงไป ลงไปอยู่ด้านล่างจึงทำให้มองไม่เห็น ว่ามีแผ่นไดน็อตหลุดบ้าง อีกทั้งไม่ได้มีการตรวจเช็ค
แต่ทางเลื่อนปลายทางเลื่อนก็จะเป็นเหลือตัวสุดท้ายหลุดคาอยู่กับแผ่นพื้น และผู้โดยสารเหยียบพอดีจังหวะนั้นก็ร่วงลงไปอีกทั้งไม่มีเซ็นเซอร์ใน.นี้ก็ทำให้แผ่นเลื่อนที่จะเลื่อนทำงานตามปกติบีบรัดขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อตรวจสอบจากกล้อง CCTV พบว่าผู้บาดเจ็บก่อนจะเดินถึงแผ่นที่มีปัญหาห่างกัน 24 วินาที ซึ่งอาจจะเกิดก่อนหน้านี้อยู่แล้วแต่ไม่มีใครไปเหยียบแผ่นนี้ เพราะก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะเดินเข้าไปก็มีผู้โดยสารกลุ่มใหญ่ใช้ทางเลื่อนนี้เช่นกันซึ่งคาดว่าแผ่นที่มีปัญหานี้ อาจจะเป็นช่วงจังหวะที่หมุนอยู่ด้านล่างและหมุนไปตามวงรอบ เพราะการที่แผ่นนี้อยู่ดรๆหล่นลงไปไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันเกิดเหตุมีการแถลงบอกว่ามีการตรวจสอบทุกเช้าก่อนเริ่มให้บริการผู้โดยสาร แสดงว่า ไม่ได้ตรวจสอบใช่หรือไม่ หัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบบอกว่า “จากกรรมการสุ่มดูการทำงานได้สุ่มตรวจจากกล้อง CCTV วันที่ 28 ถึง 29 เช้า ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นมาจนถึงเวลาที่เกิดเหตุไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ซึ่งตามปกติต้องตรวจสอบทุกวันและหากพบจุดไหนชำรุดก็ต้องรายงาน
“ส่วนกรณีการเข้าข่ายประมาทนั้นก็ไม่รู้ว่าฝ่ายใดซึ่งพื้นที่เป็นของทอท. แต่อุปกรณ์ก็เป็นของบริษัท ที่เราว่าจ้าง และเราก็จะจ้างบริษัทที่เราจัดซื้อมาดูแล ซึ่งจุดนี้ทางฝ่ายของตำรวจก็จะคงดำเนินการ แต่เราสรุปว่ามันมีปัญหาที่อุปกรณ์”
เมื่อสอบถามเรืออากาศเอกธรรมาวุธว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นอุปกรณ์ชำรุดนั้นเกิดจากความประมาทของคนหรือเครื่อง เรืออากาศเอกธรรมาวุธ กล่าวว่า “เอาเป็นว่าอันนี้เกิดจากสภาพของอุปกรณ์มีปัญหาไม่พร้อมใช้งานซึ่งไม่พร้อมใช้งานด้วยหลักวิศวกรรมพูดง่ายง่ายก็คือน็อตมันหลุดแต่จริงๆมันมีหลายอย่างประกอบกันไปแต่ที่มีนัยยะสำคัญคือน็อตมันหลุดแค่นั้นเอง”
จากนี้ก็ต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าถ้าหากจะกลับมาใช้งานก็ต้องตรวจแผ่นน๊อตทุกจุด ทุกที่เพราะส่วนประกอบอื่นของทางเลื่อนมันมีเซ็นเซอร์ แต่ตัวแผ่นกับโครงที่ใช้ในสนามบินดอนเมืองมันไม่มีเซ็นเซอร์จุดนี้ เมื่อไม่มีเซ็นเซอร์นั้นเราจะทำให้แน่ใจก็คือต้องกลับไปดูตรวจสอบ ให้เกิดความรอบคอบละเอียดและแก้ไข ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก
----------------------------------------------
ขณะที่ คุณกริช ลูกชายผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า หลังฟังการแถลงวานนี้ เผยว่า ใจจริงๆยอมรับไม่ได้ แต่พอได้ฟังการแถลงเราเห็นความจริงใจของ ทอท. ที่ตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลตรงไปตรงมาและเป็นข้อมูลความจริงที่เกิดขึ้น ผมในฐานะลูก แน่นอนว่าแม่เจ็บตัวด้วยความไม่รอบคอบของใครคนใดคนหนึ่ง เราไม่พอใจ แต่การแถลงทำให้เรารู้สึกได้ว่าสิ่งที่มีการเปิดเผยก็ตรงกับที่ตัวแทนครอบครัวรายงาน
จากนี้อยากให้พิจารณาการซ่อมบำรุงการตรวจสอบประจำวันอยากให้เคสนี้เป็นเคสสุดท้าย ซึ่งคุณแม่ก็ดูการแถลงข่าว จริงๆคุณแม่เขาก็โกรธและไม่พอใจ แต่ทุกอย่างผ่านไปแล้ว เราควรมูฟออนและคุณแม่ฟังการแถลงจนจบ
จนถึงตอนช่วงพี่นักข่าวถามคำถาม ต้องบอกว่าทันทีที่เรารับฟังอย่างเป็นทางการว่าเป็นความบกพร่องของตัวอุปกรณ์เราดีใจที่เขายอมรับ 90% แต่อีก 10% คือการเจรจาเยียวยา เกิดขึ้นมันเพิ่งเป็นการเริ่มต้นจึงเร็วเกินไปที่เราจะมั่นใจ 100% แต่เราเชื่อใจ ทอท. และหวังว่าท่านจะมีไม่ทิ้งเรา จะเหมือนเดิมจนถึงสิ้นสุดกระบวนการ
ทั้งนี้ การแถลงก็พบว่าตรงกับสิ่งที่คุณแม่เล่าให้ฟังคือคุณแม่เดินไปบนทางเลื่อน แล้วมีแผ่นนึงที่คุณแม่เหยียบลงไปแล้วหล่นลงไป พร้อมกันจากนั้นก็มีแผ่นด้านข้างมาบีบ มันเกิดขึ้นแค่เสี้ยววินาที ขาก็ติดอยู่กับเครื่องกลด้านล่างแต่ทางเลื่อนมันยังเลื่อนอยู่สิ่งที่แม่ถูกกระทำวันนั้นมันรับรู้ถึงความเจ็บปวด คือเป็นแผลการฉีกขาดความเจ็บปวดนั้นไม่สามารถพูดถึงได้แต่ยังโชคดีที่ไม่ได้หนีบเส้นเลือดใหญ่จึงทำให้คุณแม่รอดมาถึงทุกวันนี้
ส่วนกรณีการเรียกค่าเยียวยาคือต้องยอมรับว่าเราคำนวณค่าเสียหายยากเพราะประเมินขาคุณแม่เป็นราคาเท่าไหร่ ไม่ได้ “เราสะเทือนใจมาก” เลยคาดหวังว่าทาง ทอท. จะเสนอมา แต่จากนี้ทางครอบครัวจะมีการพูดคุยกันและปรึกษาทีมแพทย์ที่ต้องดูแลในอนาคต รวมถึงเรื่องขาเทียมด้วย
ส่วนอาการของคุณแม่หลังจากที่ล้มในห้องน้ำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณแม่เป็นคนที่ทำอะไรเร็วๆพยายามจะช่วยตัวเองในการเข้าห้องน้ำด้วยตัวเอง แต่เกิดเหตุ ล้มในห้องน้ำ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจมาก ขณะเดียวกัน 22 วัน ที่คุณแม่พยายามทำตัวให้แข็งแรงเพื่อให้ทุกคนคลายความกังวลใจ “แต่พอล้มในห้องน้ำ ทำให้แม่รู้ตัวว่าตนเองทุพพลภาพและมีผลต่อสภาพจิตใจ” แม่ต้องนอนซมร้องไห้หลังจากนั้นก็กลับมายิ้มแย้ม
ส่วนการดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ตอบในฐานะลูกผมเห็นคุณแม่เจ็บตัวก็อยากให้มีคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันคุณแม่คุยกับครอบครัวเอาไว้ว่าอยากให้เรื่องนี้เป็นไปอย่างนุ่มนวลที่สุดเพื่อจำกัดวงความเสียหาย ซึ่งแม่พูดประโยคว่าแม่เสียขาไปแล้ว แต่ไม่ควรมีใครต้องมาเสียโอกาสทางหน้าที่การงาน แต่ใดใดก็เชื่อว่าตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนและขอให้เคสคุณแม่เป็นเคสสุดท้ายไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำกับผู้โดยสารรายอื่นๆ
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Z57h6ZMPNpA
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทางเลื่อนดูดขา ,เหยื่อทางเลื่อนสนามบินดอนเมือง ,แถลงทางเลื่อนดอนเมือง