สังคม
หญิงถูกทางเลื่อนดูดขา ใจสู้ ฟื้นตัวเร็ว ลูกเผยตามหาพยานเพื่อขอข้อมูล ไม่ใช่พยานในการฟ้องร้อง
โดย nattachat_c
5 ก.ค. 2566
79 views
วานนี้ (4 ก.ค. 66) ทีมข่าวรายงานว่า ลูกชายผู้บาดเจ็บ ‘ทางเลื่อนดอนเมือง’ ออกจดหมายฉบับที่ 3 อัปเดตอาการบาดเจ็บของแม่ พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังมีผวาตื่น ตนและครอบครัวจะสู้ต่อไป หวังว่าจะกลับมามีความสุขเหมือนเดิมอีกครั้ง
“สวัสดีครับ ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 3 เพื่อเรียนให้ทุกๆท่านทราบว่า คุณแม่ผมพ้นขีดอันตรายแล้วครับ.
ขณะนี้ คุณหมอให้ความเห็นเบื้องต้นว่าอาการทางกายภาพของคุณแม่อยู่ในเกณฑ์ดี วันนี้คุณหมอถอดสายอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกจากร่างกายของคุณแม่เกือบทั้งหมดแล้ว ผมเชื่อว่านอกจากความใจสู้ของคุณแม่และปาฏิหาริย์ ก็กำลังใจจากกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่เป็นยาวิเศษรักษาให้คุณแม่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ขอบคุณทุกกำลังใจอีกครั้งนะครับ
สภาพจิตใจของคุณแม่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ คุณแม่พูดคุยตอบรับผู้มาเยี่ยมได้อย่างดีและดูผ่อนคลาย แต่ครอบครัวยังสังเกตเห็นว่าคุณแม่ยังมีการผวา และสะดุ้งตื่นในเวลากลางคืนอยู่ นอกจากนี้บางครั้งคุณแม่ทานอาหารไม่หมด ซึ่งคุณหมอมีความเห็นให้เสริมโปรตีนในมื้ออาหารของคุณแม่เพื่อให้การสมานตัวของแผลเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ทางครอบครัวอนุญาตให้คุณแม่ใช้สมาร์ทโฟนเพื่อจะได้ผ่อนคลาย โดยมีการดูและใกล้ชิดตลอดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณแม่เข้าถึงข้อมูลที่เหมาะสม และมีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ
ซึ่งส่วนใหญ่คุณแม่เลือกที่จะใช้เวลาไปกับการติดตามข่าวเศรษฐกิจ และข่าวหุ้น คุณแม่แอบทำงานผ่านโทรศัพท์บ้างบางเวลา เพราะคุณแม่กังวลในต้นทุนค่าเสียโอกาสระหว่างรับการรักษา รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่คุณแม่อาจจะต้องรับผิดชอบในตอนนี้และในอนาคต
ผมและน้องๆก็ไม่สามารถห้ามท่านได้ตลอด อีกทั้งคุณแม่เป็นผู้หญิงแอคทีฟ พวกเราปรึกษาคุณหมอแล้วมีความเห็นว่าให้ท่านได้ทำกิจกรรมที่ท่านชอบคงจะดีกว่าให้ท่านอยู่เฉยๆ ซึ่งอาจจะเสี่ยงให้ท่านเกิดความเศร้าใจ เราพยายามที่จะรักษา Self-esteem ของคุณแม่ให้ได้มากที่สุด และไม่ให้ท่านรู้สึกหมดคุณค่า และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้งครับ
พวกเราพี่น้องได้เพียงแค่หมั่นตรวจสอบว่าท่านมีเวลาพักผ่อนที่เหมาะสม ผมและน้อง ๆ ภูมิใจในตัวคุณแม่มาก ๆ ครับ คุณแม่เป็นนักสู้จริง ๆ.
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวต้องกล่าวขอขอบคุณการท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานไทยอีกครั้ง ที่แสดงความห่วงใยตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุถึงไม่ตอนนั้นคุณแม่จะยังไม่พร้อมให้เข้าเยี่ยมก็ตาม ในตอนนี้สามารถเข้าเยี่ยมคุณแม่ได้แล้วครับ หวังว่าคุณแม่และพวกเราจะได้มีโอกาสพูดคุยกับทุกท่านมากขึ้นครับ
ขั้นตอนต่อไป ทางครอบครัวจะทำการแต่งตั้งและมอบอำนาจให้ทนายความ ช่วยดูแลในการเข้าแจ้งความกับตำรวจ รวมไปถึงการติดต่อประสานงานให้พนักงานสอบสวนเข้าพบและสอบถามข้อเท็จจริงจากคุณแม่โดยตรง ตามที่ท่านได้เคยติดต่อมา โดยครอบครัวจะโฟกัสกับการดูแลฟื้นฟูคุณแม่อย่างเต็มที่แทน
ผมและครอบครัวทราบดีว่าตอนนี้ยังเร็วไปที่จะวางใจเพราะตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นการปรับตัวของคุณแม่ ข่าวดีที่ได้รับในวันนี้ทำให้ครอบครัวเรามีกำลังใจมากขึ้นและเริ่มมีความสุขอีกครั้งหลังจากผ่านเรื่องร้าย ๆ ที่ไม่มีใครคาดคิด ถึงเส้นทางข้างหน้าจะดูหนักหนา แต่ผมเชือว่าคุณแม่และพวกเราจะได้รับความเป็นธรรมจากผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้รับความจริงใจจากทุกฝ่ายในการแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับใครหรือครอบครัวใดอีก
ผมและครอบครัวของผมยังคงต้องสู้ต่อไป ถึงมันจะไม่เหมือนเดิมแต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าครอบครัวของผมจะมีความสุขเหมือนเดิมอีกครั้ง
ขอบคุณครับ นายกฤตย์ กิตติรัตนา 4 ก.ค. 2566”
------------
วานนี้ (วันที่ 4 ก.ค.) นายกฤตย์ กิตติรัตนา ลูกชายของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทางเลื่อนที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดเผยกับทีมข่าวว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ตามหาพยานบุคคลที่แวดล้อมในขณะเกิดเหตุ ว่า
จริง ๆ ไม่ใช่เพราะเป็นการตามหาเพื่อนำมาเป็นพยานในคดี เพียงแต่ทางครอบครัวอยากรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้น จึงโพสต์เพื่อถามหาบุคคลที่อยู่ในแวดล้อมขณะเกิดเหตุ เพื่อมาให้ข้อมูลและให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่มาเป็นพยานในการฟ้องร้องคดี
และระบุอีกว่าตอนนี้ทางครอบครัวกับท่าอากาศยานดอนเมืองร่วมกันเป็นคณะกรรมการเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยใช้เวลา 15 วัน นับแต่วันจันทร์ในการเสาะหาข้อเท็จจริง ซึ่งนอกจากพยานทางเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมแล้ว ก็อยากได้พยานบุคคลในที่เกิดเหตุด้วย เลยขอความร่วมมือว่า หากใครในวันนั้นที่เห็นเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขอให้ติดต่อมายังครอบครัวของตน เพื่อร่วมกันหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้น และยืนยันว่าจะปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นความลับระหว่างกัน ไม่ระบุตัวตนว่าเป็นใคร ขอให้สบายใจและพูดคุยกันได้
คุณกฤตย์ ยังระบุถึงอาการของคุณแม่ล่าสุด ซึ่งวันนี้สามารถออกจากห้อง ICU ได้แล้ว โดยรวมอาการดีขึ้นมาก กำลังอยู่ในช่วงการเตรียมร่างกายเพื่อเข้าสู่กระบวนการกายภาพบำบัดฟื้นฟู โดยวันนี้คุณแม่สามารถใช้ Walker ยืนขาเดียวได้แล้ว ถือว่าเป็นข่าวที่ดีอย่างมาก ซึ่งส่วนตัวก็รู้สึกชื่นใจและสบายใจมากขึ้น
ส่วนสภาพจิตใจตอนนี้เริ่มฟื้นฟูดีขึ้น คุณแม่เริ่มกลับมาพูดคุยได้ตามปกติกับบรรดาเพื่อน ๆ ที่ทยอยมาเยี่ยม ซึ่งส่วนตัวคุณแม่เองเป็นคน Active พอมีคนมาเยี่ยมเยอะก็เป็นกำลังใจอย่างดี ซึ่งอาจจะต้องทำนัดเข้าเยี่ยม เพื่อให้คุณแม่ได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น นอกจากนี้ตัวคุณแม่เองเริ่มเล่นโทรศัพท์และแอบทำงานบ้างแล้ว เพราะคุณแม่กังวลในเรื่องของค่าเสียโอกาสที่หายไป
ซึ่งทางครอบครัวก็ยังคงระมัดระวังในเรื่องของการใช้ Social Media แม้คุณแม่เห็นข่าวและประเด็นของตนใน Social Media ตั้งแต่วันแรกแล้ว ทางครอบครัวเองก็กังวลไม่อยากให้ทางคุณแม่เห็น เพราะเป็นเรื่องที่สะเทือนใจ แต่คุณแม่ก็ยังสู้และก็ดูได้เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ทางครอบครัวก็ไม่ได้ปกปิดอะไร เพียงแต่ควบคุมเรื่องเวลาและความเหมาะสมในการเข้าถึง Social Media แค่นั้น
ทั้งนี้ ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เข้ามาพูดคุยเรื่องการดูแลเยียวยาคุณแม่แล้วตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ แต่ต้องให้เวลาครอบครัวทำใจสักระยะหนึ่งในการพูดคุยก่อน ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความสูญเสียได้ โดยเฉพาะขาที่ต้องขาดไป แต่ยืนยันว่า ทางครอบครัวกับท่าอากาศยานจะพูดคุยร่วมกันทั้งการเยียวยาและหาข้อเท็จจริง มากกว่าที่จะเป็นคู่กรณีกัน
-------------
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/N5d8x5i0F0A
แท็กที่เกี่ยวข้อง ท่าอากาศยานดอนเมือง ,ทางเลื่อนดอนเมือง ,ทางเลื่อนดอนเมืองหนีบขาขาด