สังคม

'ดาราสาวไต้หวัน' แจงยิบสื่อดังปมถูกรีดเงิน ยันไม่ได้อยากสู้กับตำรวจ ขอบคุณคนไทยช่วยเหลือ

โดย nattachat_c

1 ก.พ. 2566

183 views

วานนี้ (31 ม.ค.) เพจ หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว โพสต์ข้อความระบุ จากกรณีข่าวฉาวที่ดาราสาวไต้หวัน 'อันหยูชิง' An YuQing เธอกล่าวหาว่าถูกตำรวจไทยรีดทรัพย์ถึง 2.7หมื่นบาท


เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา เธอได้ให้สัมภาษณ์สื่อแถลงชี้แจงความบริสุทธิ์จากปากเธอ ซึ่งเธอก็ได้ออกมาโพสข้อความลงไอจี ขอบคุณคุณชูวิทย์ที่ได้ช่วยเหลือเธอในการค้นหาความจริง และสื่อ BBC และสื่ออื่นๆ ที่ยอมรับฟังเธอ


เธอได้ออกมาชี้แจงถึงจุดสำคัญหลัก รวมถึงเรื่อง “เมา” ซึ่งเธอกล่าวว่า ทำไมถึงพยายามจะพิสูจน์ว่าเธอเมา? บ้างก็บอกว่าเธอเป็นบุคคลอันตรายต้องสงสัย แต่ก็มาบอกว่าเธอไม่ได้น่าสงสัยคิดว่าไม่อันตรายก็เลยปล่อย ถ้าไม่คิดว่าเธออันตรายทำไมถึงกักตัวใช้เวลานานราว 45 นาทีตรงนั้น


เธอกล่าวต่อสื่อว่า : “เรื่องการมีบุหรี่ไฟฟ้าและการไม่พกหนังสือเดินทางติดตัวมีผิดจริง แต่เธออยากให้โฟกัสตรงประเด็นที่ว่า “หากมีการละเมิดหรือทำกฎหมาย ก็ควรทำตามระเบียบแจ้งโทษและปรับเธอตามกฎมีใบเสร็จอย่างถูกต้อง แต่ตอนนั้นที่พวกเราถูกเรียกตรวจ กลับบอกให้พวกเราทุกคนจ่ายเงินและหลบกล้อง”


ฉันโพสต์ข้อความต่างๆ ลง เพื่อให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน แต่ละคนล้วนมีความคิดของตนเอง ฉันไม่ขอตอบคำถามที่เป็นเรื่องคาดคะเนเดาไปต่างๆ นานา เธอไม่คิดว่า การที่เธอเเชร์ระบายประสบการณ์ที่เธอเจอออกมานี้ จะกลายเป็นเรื่องครึกโครมขนาดนี้ ส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกอย่างฉันได้ให้ความร่วมมือและส่งเรื่องไปให้หมดแล้ว!! ขอบคุณค่ะ


คำแถลงอย่างละเอียดของอันหยูฉิง

1) สถานการณ์ตั้งด่านตรวจ : เนื่องจากคืนนั้นร้านที่ฉันไปปิดตี1 ฉันจึงเรียกแท็กซี่(grab) ให้เพื่อนๆ 1 คัน และฉันก็ได้เรียกอีกคันให้ตัวเอง ตลอดตั้งแต่ที่มีเกิดเรื่องทั้งหมดใช้เวลาราว2-3ชั่วโมง และตลอดเวลานั้นฉันไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้เลย ดังนั้น เรื่องเวลาที่แน่ชัดนั้น ฉันอาจมีการจำคลาดเคลื่อนไปบ้าง


ตั้งแต่ที่มีการถูกเรียกตรวจ ลงจากรถ เรื่องเเรกที่เกิดคือ มีการค้นกระเป๋า ฉันอยากโทรติดต่อบอกเพื่อนอีกคันข้างหน้าว่ารถคันของฉันถูกเรียกตรวจ พร้อมอยากถ่ายรูปสถานการณ์ส่งไป แต่แล้วกลับถูกตำรวจห้ามและให้ลบรูปหรือคลิปทุกอย่าง ตอนนี้ทางตำรวจใช้เครื่องแปลเพื่อต้องการรู้ว่าฉันกับเพื่อนๆ พูดอะไรกัน หลังจากนั้นฉันให้เพื่อนที่พูดไทยได้สื่อสารกับตำรวจ และฉันถอยออกมายืนข้างๆ  บางครั้งก็สื่อสารได้ไม่ดี สุดท้ายเพื่อนฉันบอกว่า พวกเขา (ชี้ไปที่ตำรวจ) ต้องการให้เรานับเงิน 27,000 บาท หลังจากนั้นตำรวจเอาบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ฉันแล้วเรียกฉันถ่ายรูป


ต่อมาเรียกเเท็กซี่คันใหม่ให้ฉัน ส่วนแท็กซี่คันก่อนหน้า ตำรวจเป็นคนบอกให้ขับออกไป
และหลบกล้องด้วย


2) เรื่องเมา : “ทำไมต้องมานั่งพยายามสืบหาเน้นเรื่องฉันเมานะ?”


3) เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า : ตอนนั้นที่ด่าน ฉันไม่มีบุหรี่ไฟฟ้า แต่ไม่แน่ใจที่ว่าเพื่อนๆ ฉันที่มาด้วยกันมีการพกมาไหม แต่ฉันยืนยันได้เลยในตอนที่ถูกตรวจที่ด่าน ฉันไม่มีบุหรี่ไฟฟ้า พวกเรามีกัน 8 คน แบ่งเป็น 2 คัน ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่มานั่งคอยตรวจสอบเพื่อนฉัน


แต่ที่ฉันมั่นใจแน่คือ ตอนก่อนจะถูกปล่อยมา ตำรวจเป็นคนเอาบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ฉันและถ่ายรูป และตอนถูกเรียกนั้น ฉันคงไม่กล้าบ้าขนาดถือบุหรี่ไฟฟ้าสูบต่อหน้าตำรวจ มากล่าวหาว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นของฉัน


ถ้างั้นมีหลักฐานอะไรมาบอกว่าเป็นของฉัน ในเมื่อบอกว่ารูปก็ถูกลบ ตอนรับเงินก็ไม่แน่ชัด ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกจับตามองตรวจสอบฉันจะพูดมั่วได้อย่างไร ฉันสามารถพูดตัวเลขที่มากกว่านี้ก็ได้ ทำไมถึงต้องมานั่งเฉพาะเจาะจง 27,000?? และถ้าฉันละเมิดเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าจริง ก็ออกใบเสร็จค่าปรับมา แต่ฉันกลับไม่ได้รับใบเสร็จ ยื้อฉันนานอยู่ตรงนั้น และเอาไป 27,000บาท


4) เรื่องคลิปภาพที่ถ่ายได้บริเวณโรงแรมล่ะ? : “ฉันถูกตำรวจเรียกตรวจค้นที่โรงแรม หรือถูกรีดทรัพย์ที่โรงแรมรึไง??!!”


5) เรื่องบุคคลอันตราย : มาบอกว่าฉันอันตรายต้องสงสัย ต่อมาบอกว่าเห็นฉันไม่อันตรายจึงปล่อยไปเฉยๆ ถ้าฉันไม่อันตรายก็ยิ่งไม่มีเหตุจำเป็นยื้อฉันไว้นานตรงถึง45นาที ไม่ใช่หรือ?!


6) เรื่องตลาดนัด : ตลาดนัดคืออยู่แถวโรงแรม ดังนั้นถึงเห็นฉันอยู่แถวนั้นหลังจากเกิดเรื่อง  นอกจากนั้น พวกเขา(ตำรวจ) ได้มีการมาจับค้นที่กระเป๋ากางเกงเพื่อนชายคนนึง ก็คือชายคนที่อยู่ในภาพที่ยืนข้างหน้าคนนั้น ตอนที่ตำรวจกำลังล้วงกระเป๋ากางเกงเขา เขาได้เอาโทรศัพท์ป้อง หลังจากที่ตำรวจเอาเงินไปเรียบร้อยก็เหลือให้พวกเรา 200 บาทเพื่อเรียกเเท็กซี่ (แท็กซี่คันนั้นก็คือคนที่ออกมาให้ข่าว คนของตำรวจ)


ฉันถูกได้การบ่มเพาะมา หากจำเป็นถูกเรียกตรวจก็ต้องมีการบอกเจตจำนงและบอกว่าทำผิดอะไร ในเมื่อตำรวจบอกเองว่าฉันไม่ใช่บุคคลอันตราย ในเมื่อเทคโนโลยีไปไกลตอนนี้ทำไมไม่ใช้โทรศัพท์แปลบอกฉัน หากฉันทำผิดอะไร ก็บอกข้อกล่าวหามาออกใบเสร็จจ่ายค่าปรับแล้วก็ปล่อยฉันแค่นั้น  ฉันถูกตรวจค้นนานกว่าคนอื่น เพื่อนฉันที่พูดไทยพอได้ก็อยู่ในเหตุการณ์ เราพยายามสื่อสารทุกอย่าง แต่ก็ไม่เป็นผล….


สุดท้ายเธอย้ำว่า ผิดอะไรก็บอกมา ชี้แจงมา และปรับเธออย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่อยากเรียกเท่าไหร่ตามอำเภอใจ แล้วให้หลบกล้อง ฉันได้ให้ความร่วมมือไปแล้ว เรื่องทุกอย่างส่งไปหมดแล้ว ขอบคุณค่ะ

------------

เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) บีบีซีไทย ได้เผยแพร่บทความ "ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่ได้อยากสู้กับตำรวจไทย" ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ "อัน หยูชิง" ดาราสาวไต้หวัน โดยมี บก.บีบีซีจีน ช่วยเป็นล่ามแปลภาษา


"ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่ได้อยากต่อสู้กับตำรวจไทย" ชาลีน อัน กล่าวผ่านการสัมภาษณ์ทางไกล


ตลอดการสัมภาษณ์นานกว่า 30 นาที ชาลีน อัน ย้ำกับบีบีซีไทยตลอดว่า เธอเป็นเพียง "นักท่องเที่ยวธรรมดา" คนหนึ่ง ที่ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ที่แปลกประหลาดและเลวร้ายสำหรับตัวเธอ เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติคนอื่น ๆ ที่เดินทางไปประเทศไทย โดยเฉพาะคนเอเชีย และคนที่พูดภาษาจีนกลางเป็นหลัก


"ฉันอยากแบ่งปันเรื่องราวของฉัน ทุกคนจะได้ตระหนักว่ามีภัยอันตรายแบบนี… ฉันก็แค่คนธรรมดา ฉันต่อสู้รัฐบาลหรือประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ได้ ฉันแค่นักท่องเที่ยวที่อยากบอกเล่าเรื่องที่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก"


ดาราสาวชาวไต้หวันยังเชื่อว่า เธอเป็นเพียงหนึ่งใน "เหยื่อ" เพราะเชื่อว่า มีคนไทยและชาวต่างชาติอีกจำนวนมาก ที่เผชิญเรื่องราวที่เลวร้ายเหมือนกับเธอ "หวังว่าเรื่องราวของฉันช่วยให้ไทยดีขึ้นได้ ช่วยตีแผ่สิ่งที่คนธรรมดาต้องเผชิญ"


"หวังว่าเรื่องราวของฉันช่วยให้ไทยดีขึ้นได้ ช่วยตีแผ่สิ่งที่คนธรรมดาต้องเผชิญ" และ "ถ้าสิ่งเลวร้ายแบบนี้หายไป ฉันจะกลับไปไทยอีก"

------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/5nvXI4ylHfQ

คุณอาจสนใจ

Related News