อาชญากรรม

'ชูวิทย์' เปิดคลิปชายสิงคโปร์ จ่ายเงินให้ตำรวจ - ผบช.น.สั่งสอบยกชุด – คนขับแกร็บยันไม่มีฮั้ว ให้สาบานก็ได้

โดย nattachat_c

31 ม.ค. 2566

30 views

จากกรณี ดาราสาวไต้หวันได้มีการโพสต์โซเชียลว่า ถูกตำรวจไทยไถเงิน 27,000 บาท จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย 


เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 30 มกราคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ลงนามในคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล


กรณีปรากฏข้อมูลข่าวสาร พร้อมเผยแพร่ภาพวิดีโอทางสื่อสารมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ ประกอบกับการได้รับรายงานเหตุกรณี พันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง มีเหตุเป็นที่สงสัยว่าประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่และกระทำความผิดทางวินัยหรืออาญา


หากปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน หรืออาจยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้ จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2563


รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชา เพิ่มความเข้มในการตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ไม่ให้เกิดพฤติกรรมในทางไม่ดี หากพบว่าพื้นที่ใดมีการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก จะพิจารณาโทษถึงระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ และหากเป็นความผิดซ้ำซากจะพิจารณาโทษถึงระดับผู้บังคับการ โดยจะดำเนินการทั้งทางวินัย อาญา และปกครอง

------------

บ่ายวานนี้ พลตำรวจตรีนิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ปฏิบัติหน้าที่งานด้านเจรตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ชุดสอบสวนข้อเท็จจริง เดินทางมาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อสอบปากคำตำรวจชุดปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุ


โดยการสอบปากคำใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนออกมาเปิดเผยว่า วันนี้เรียกสอบตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้ามาภายในห้องประชุมจำนวน 5 นายจากทั้งหมด 14 นาย


เบื้องต้นจากการสอบปากคำ ทั้งหมดให้การ 'ปฎิเสธเรื่องรับเงิน' พร้อมทั้งยังปฏิเสธเรื่องผู้หญิงที่เป็นคนจ่ายเงินให้กับตำรวจ โดยบอกว่าข้อมูลนี้มาจากนายชูวิทย์ ตำรวจไม่เคยได้รับข้อมูลนี้มาก่อน ส่วนเรื่องกล้องที่ติดหมวกตำรวจถูกลบไปนั้น ได้ประสานตำรวจ ปอท.ช่วยกู้ไฟล์คืนแล้ว อยู่ระหว่างรอการดำเนินการ

------------

สำหรับรายชื่อของตำรวจที่ปฎิบัติงานในวันนั้น พบว่าเป็นชุด 223 มีตำรวจปฏิบัติ 15 คน ออกปฏิบัติหน้าที่ 14 คน ประจำห้องวิทยุ 1 คน ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 00.01 - 08.00 น.


ระหว่างที่ ทีมข่าวลงพื้นที่ สน.ห้วยขวาง พบว่า ที่หน้าห้องปราบปรามของสน. พบว่า มีกระดานประกาศของ สน.ติดประกาศ ใบตารางเวรของเจ้าหน้าที่ทำงานตั้งด่านประจำเดือนมกราคม


ผู้สื่อข่าวอ่านประกาศและบันทึกภาพ เอกสารเพื่อตรวจสอบ ปรากฏว่า มีตำรวจ สน.ห้วยขวาง 1 นายออกมาสั่ง ให้นักข่าวลบภาพรายชื่อ โดยอ้างว่า คือข้อมูลความลับทางราชการ ผู้สื่อข่าวจึงอธิบายว่า ผู้สื่อข่าวก็ทำตามหน้าที่ตรวจสอบเช่นกัน และเอกสารที่ติดประกาศ หากเป็นเอกสารลับจะไม่นำมาเปิดเผยบนกระดานแบบนี้ แต่เป็นเอกสาร รายชื่อชุดปฏิบัติงานที่มีปัญหาอยู่ขณะนี้จากนั้น พบว่า ตำรวจมีการดึงเอกสารนี้ออกจากกระดาน

------------

ที่บช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ โฆษก บช.น., พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 ร่วมแถลงข่าว กรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันถูกตำรวจเรียกรับเงิน


พล.ต.ท.ธิติกล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง และปรากฏภาพนักท่องเที่ยวมีการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฏิบัติหน้าที่ซึ่งพบเห็นวัตถุผิดกฎหมาย ดังกล่าว ไม่ได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อส่งตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายกับ นักท่องเที่ยว แต่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกจากจุดตรวจไป เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 บช.น.ได้สั่งการให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาแล้วจำนวนหลายนาย

-----------

ช่วงค่ำ มีรายงานว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งให้ตำรวจทั้ง 14 นาย รายงานตัวที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และมีคณะกรรมการ สอบปากคำตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยแยกสอบแต่ละคนเพื่อสอบถามว่า วันเกิดเหตุแต่ละตำรวจแต่ละนายอยู่จุดใด ทำหน้าที่อะไร และมาเปรียบเทียบกับกล้องวงจรปิด และหลักฐานอื่นๆ ที่มี โดยไม่ขอเปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าว


แหล่งข่าวใน บชน. ระบุว่า เหตุการณ์นี้ตำรวจไม่ได้บ่ายเบี่ยงประเด็น แต่จากการสอบถามตำรวจชุดจับกุมโกหก อีกทั้งข้อมูลบางส่วนของดาราสาวไต้หวัน ก็ไม่ตรงกับภาพวงจรปิด


โดยก่อนหน้านี้ ในการสอบถามของผู้บังคับบัญชา ถามชุดจับกุมว่ามีการเรียกรับเงินหรือไม่ ก็มี ตำรวจ ยศ “ส.ต.อ.” เป็นชุดจู่โจมของสน.ห้วยขวาง ชื่อเล่นอักษรย่อ “ว” รับสารภาพ เป็นคนเรียกรับเงินจากแก๊งดาราไต้หวันจำนวน 27,000 บาท


โดยในวันเกิดเหตุไม่ได้เข้าเวร แต่เป็นชุดเฉพาะกิจ เมื่อเห็นแก๊งดาราไต้หวันจึงเรียกลงมาพูดคุยประมาณ 40 นาที จึงเรียกเงิน จำนวน 3 หมื่นบาท แต่หนุ่มสิงคโปร์เป็นคนจ่าย และบอกว่ามีเงินเพียง 27,000 บาท จึงตกลงจ่ายให้ตำรวจ และเมื่อจ่ายแล้ว ส.ต.อ รายนี้ ได้แบ่งเงินกับตำรวจยศ “ร.ต.อ.” อีก 1 นาย ที่เป็นหัวหน้าชุดตั้งด่านวันนั้น


แต่เมื่อทางพนักงานสอบสวนจะทำการสอบเข้าสำนวน “ส.ต.อ. รายนี้ กลับคำให้การว่าตนไม่ได้มีการเรียกรับเงิน

-------------

เวลา 19.05 น. นายชูวิทย์ โพสต์คลิปพูดคุยผ่านโทรศัพท์กับนายสกาย ชายชาวสิงคโปร์ที่จ่ายเงินให้ตำรวจ โดยนายชูวิทย์ถามว่าได้จ่ายเงิน 27,000 บาท ให้กับตำรวจจริงหรือไม่ นายสกายตอบว่า ใช่ โดยจ่ายให้ตำรวจ 1 นาย และมีตำรวจอีก 4 นาย แต่มีตำรวจ 1 นายที่ขู่มากแล้วก็คุยกันตลอด ส่วนอีก 2 คนก็มาช่วยคุยด้วย


เมื่อถามว่าการจ่ายเงินให้ตำรวจ 1 คน เพราะบุหรี่ไฟฟ้าหรืออะไร นายสกาย ตอบว่า ตำรวจบอกว่าทำไมไม่เอาพาสปอร์ตจริงออกมา และทำไมไม่มีวีซ่า จึงบอกไปว่าสิงคโปร์ไม่ต้องมีวีซ่าเข้ามา โดยอยู่ไม่ถึง 30 วันไม่ต้องมีวีซ่า แต่ตำรวจก็พยายามจะขอดูพาสปอร์ตตัวจริง จึงหันไปบอกเพื่อน เพื่อให้ไปเอาพาสปอร์ตตัวจริงที่โรงแรม แต่ตำรวจบอกว่าไม่ได้ เพราะ 2 คนไม่มีพาสปอร์ตตัวจริง จึงพยายามชี้แจงว่าไม่ทำอะไรผิดกฎหมาย ก่อนตำรวจจะบอกว่าไม่ได้ เพราะเพื่อนมีบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งตรงนี้เราก็ยอม แต่ชี้แจงไปว่าที่ตลาดก็มีร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า แต่ตำรวจก็ยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ซึ่งเรายืนยันว่าไม่รู้


จากนั้นตำรวจก็ขู่และเหมือนว่าโมโห ไม่รู้โมโหอะไร ก่อนเพื่อนจะคุยโทรศัพท์ แต่ตำรวจบอกว่าคุยโทรศัพท์ไม่ได้ ถ่ายรูปก็ไม่ได้ และถ่ายติ๊กต็อกก็ไม่ได้ เราก็ยินยอมไม่ใช้โทรศัพท์ วันเกิดเหตุไปกัน 4 คน เป็นชาวสิงคโปร์ 3 คน และดาราไต้หวัน 1 คน โดยอยู่ที่ด่านประมาณ 1-2 ช.ม.


นายชูวิทย์กล่าวว่า เรื่องนี้มีผลกับภาพลักษณ์ของประเทศไทย และต้องขอโทษนายสกายในนามคนไทย พร้อมขอความกรุณานายสกายมาเมืองไทย เพื่อให้พูดข้อเท็จจริงให้สังคมไทยรับรู้ เพราะตำรวจไทยปฏิเสธและแต่งเรื่องขึ้นมา โทษดาราสาวไต้หวัน


จึงขอเชิญนายสกายมาเมืองไทย โดยจะจัดหาที่พักในไทยและออกค่าเดินทางให้ทั้งหมด เพราะอยากทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏ หากนายสกายมาบอกความจริงก็จะถือว่าทำเพื่อประเทศไทย โดยจะนำเงิน 27,000 บาทคืนให้ด้วย เนื่องจากเรื่องนี้ในไทยเสียหายมาก ไทยจึงอยากยึดแบบสิงคโปร์ เพราะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นแน่นอน


นายสกาย กล่าวว่า ตอนนี้ก็คิดอยู่ เพราะคิดว่าเรื่องนี้อันตราย

---------------

วานนี้ (30 ม.ค.) เพจเฟซบุ๊ก ‘ดาวแปดแฉก’ โพสต์ภาพสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง พร้อมเปิดเผยข้อมูลว่า


โดยสรุปว่ามีเพื่อนอยู่ในกลุ่มของหญิงชาวไต้หวัน เพื่อนเป็นคนจ่ายเงินสามารถติดต่อพูดคุยได้ ต่อมาได้พูดประชุมการสนทนากับชายชาวต่างชาติคนหนึ่ง ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ชายชาวต่างชาติ ที่ถูกตำรวจเรียกลงจากรถเพื่อตรวจค้น ชายชาวต่างชาติคนนี้พอพูดฟังภาษาไทยเข้าใจ บางครั้งพูดภาษาอังกฤษกับสุภาพสตรีที่ติดต่อมาที่แอดมิน ช่วยบอกเล่า ซึ่งสรุปการสนทนาชายชาวต่างชาติ อ้างดังนี้


1. ถูกเรียกลงจากรถจากนั้น มีชายคนหนึ่งไม่สวมเครื่องแบบตำรวจ สวมเสื้อกั๊กอ้างเป็นตำรวจ ขอตรวจหนังสือเดินทาง โดยมีตำรวจที่สวมเครื่องแบบหลายคนยืนห่าง ๆ


2. วันนั้นมีเพื่อนไม่ได้พกหนังสือเดินทางติดตัวออกมาด้วย 2 คน ชายที่ไม่สวมเครื่องแบบบอกว่าผิด และเห็นบุหรี่ไฟฟ้าบอกว่าผิดกฎหมาย และขอโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่องเก็บไว้


3. ชายที่ไม่สวมเครื่องแบบ เดินไปมาพูดคุยตำรวจที่สวมเครื่องแบบ


4. บุหรี่ไฟฟ้าเป็นของตนเอง (ชายชาวต่างชาติที่พอพูดภาษาไทยได้) จากนั้นตำรวจที่ไม่สวมเครื่องแบบถ่ายรูปให้ถือบุหรี่ไฟฟ้า


5. พอรู้ว่าทำผิดมีการเรียกเงินคิดว่าน่าจะเรียกไม่กี่พันบาท แต่ชายไม่สวมเครื่องแบบเห็นเงินที่พกไว้เกือบ 30,000 บาท จึงพูดคุยได้เงินไป 27,000 บาท ซึ่งเป็นเงินของตนเอง ไม่ใช่เงินของเพื่อนสาวชาวไต้หวัน


6. จากนั้นชายไม่สวมเครื่องแบบคืนโทรศัพท์มือถือให้ แล้วตนเองจะเรียกรถแกร็บ แต่ชายไม่สวมใส่เครื่องแบบไม่ให้เรียก แล้วเรียกรถแท็กซี่ให้หยุดตรงด่านให้พวกของตนเองขึ้นไป


7. ก่อนถูกเรียกให้ลงจากรถ ซึ่งไปเที่ยวผับแห่งหนึ่ง เพื่อนสาวชาวไต้หวันดื่มสุราแต่เธอไม่ได้เมา


8. จำหน้าชายไม่สวมเครื่องแบบที่รับเงินวันนั้นได้


ชายชาวต่างชาติคนนี้อ้างอีกว่า เรื่องเพื่อนสาวชาวไต้หวัน สูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือไม่นั้น จำไม่ได้ ไม่ได้สังเกต และไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนสาวชาวไต้หวัน ถึงโพสต์ข้อความว่าอยู่ที่ด่าน 2 ชั่วโมง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ถึง 2 ชั่วโมง แต่ระยะเวลาที่อยู่ที่ด่านค่อนข้างนาน

------------

วานนี้ (30 ม.ค.66) ทีมข่าวได้พูดคุยกับคนขับแกร็บ รถมาสด้าสีแดง ที่ขับรถรับส่งดาราสาว โดยเจ้าตัวยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้เกลี่ยกล่อมให้พูดแบบนั้นแต่อย่างใด


คนขับแกร็บระบุว่า “เอาแบบตรงๆเลยนะ ยศตำรวจตนก็เรียกไม่ถูกเพราะไม่รู้จัก แต่เขาเรียกกันว่าท่านผู้การๆ กับผู้กำกับ พูดกับตนว่า ให้พูดตามความเป็นจริง พูดแบบธรรมชาติที่เราเจอมา เราทำยังไงก็ให้พูดอย่างนั้น ไม่มีเกลี่ยกล่อม”


ส่วนกล้องหน้ารถของตน เป็นกล้องลักษณะที่ตากแดดแล้วมีอาการที่จะเสีย ส่วนตัวแล้วบางครั้ง 1 สัปดาห์ก็จะฟอแมทต์ออกไปครั้งหนึ่ง / บางที 2-3 วันก็จะฟอแมทต์ออกแล้ว เพราะบางวันเมมเมอร์รี่กล้องก็จะขึ้นเตือนแล้วว่าให้ฟอแมทต์เพราะเมมเมอร์รี่การ์ดกล้องเต็ม


คนขับแกร็บ ย้ำชัดอีกว่า ยืนยันได้เลยว่า

1.ตำรวจไม่เคยพูดเกลี่ยกล่อม

2. กล้องมีปัญหาอยู่แล้ว ตำรวจไม่ได้สั่งให้ลบ

3.ตนพูดตามความจริงที่เกิดขึ้นทุกอย่าง และจะให้ตนพูดเป็นสิบรอบหรือร้อยรอบก็พูดได้ เพราะเกิดขึ้นจริง และไม่ได้เฟคหรือแต่งเติมอะไร


เมื่อถามว่าสรุปแล้วเห็นพฤติกรรมการเรียกเงินกับดาราสาวชาวไต้หวันของตำรวจหรือไม่ คนขับแกร็บ ย้ำชัดว่า ไม่เห็น และไม่ทราบเห็นเพียงแค่ตอนตำรวจเรียกลงจากรถ แล้วดาราสาวชาวไต้หวันโวยวายเพียงแค่นั้น จากนั้นก็ไม่ได้มอง เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์อยู่หน้ารถ.


ทั้งนี้ ยังยืนว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวของดาราสาวชาวไต้หวันวันนั้นมีอาการมึนเมา และส่งเสียงดังจริง


ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าคนขับแกร็บฮั้วกับตำรวจ ไปรับกลุ่มนักท่องเที่ยวดาราสาวชาวไต้หวัน แล้วพามาด่านตรวจแล้วแบ่งผลประโยชน์กัน คนขับแกร็บ ยืนยัน ว่า ไม่ได้มีการฮั้วกันอย่างแน่นอน


คนขับแกร็บ ยังระบุว่า การที่มีการออกมาพูดว่าคนขับแกร็บฮั้วตำรวจ มองว่ามันส่งผลกระทบและเกิดผลเสียต่อการท่องเที่ยว แล้วพวกตนคนขับแกร็บก็เดือนร้อน ไม่มีลูกค้า ส่วนถ้าหากตำรวจรีดไถหรือเรียกรับเงินจริงตนก็มองว่าส่งผลเสียต่อการท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน
------------

วานนี้ (30 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ กล่าวถึงกรณีที่ได้มีการพูดบนเวทีว่า ได้ลงนามคำสั่งย้ายตำรวจที่มีการการทุจริต หลังนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันร้องเรียน ว่า​ ให้ไปตามข่าวเอาเอง ขอมาก็ดำเนินการให้


และเมื่อถามย้ำมว่าในเรื่องของการโยกย้ายตำรวจได้มีการสั่งการเองใช่หรือไม่​ นายกรัฐมนตรี​ ระบุว่า​ ไม่ต้องสั่ง​ หน่วยงานเขา​ขออนุมัติมา​ ก็ให้เขาไป​ ซึ่งหน่วยงานเขาเป็นคนทำก็ให้เขาทำไป


ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงประเด็นเดียวกันว่า เป็นเรื่องของตำรวจ​ ให้ฟังทางตำรวจชี้แจง

------------

อันยู๋ชิง ได้ออกมาแชร์ข่าวที่นายชูวิทย์ออกมาแฉผ่าน ig story โดยในโพสต์มีข้อความภาษาไทยระบุ "เธอมันแน่..แน่มาตลอด" และมมีข้อความภาษาจีน ซึ่งเพจ 'หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว' ได้ช่วยแปลระบุว่า "รออีกนิด ฉันจะให้สัมภาษณ์" และบอกอีกว่า "ความจริงปรากฎแล้ว ชาวไทยส่งกำลังใจมาให้ด้วย"


ขณะเดียวกัน ในเพจเฟซบุ๊กของ อันยู๋ชิง ดาราสาวไต้หวัน ยังได้รีโพสต์ของนายชูวิทย์ พร้อมระบุข้อความทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ว่า "Thank you ขอบคุณค่ะ" และอีกโพสต์เป็นโพสต์ที่นายชูวิทย์อัดคลิปขอโทษดาราสาวไต้หวัน โดยเธอได้รีโพสต์ พร้อมอิโมจิ
------------

คุณอาจสนใจ

Related News