สังคม

เซียนพนันร้อง ถูกบ่อนใหญ่ย่านรามอินทรา อุ้มซ้อม รีด 5 ล้าน - ชายปริศนาโป๊ะแตก เป็นคนวิ่งเคลียร์ที่โรงพัก

โดย petchpawee_k

28 ต.ค. 2565

580 views

บ่อนใหญ่? เซียนพนัน ร้อง “สายไหมต้องรอด” อ้างถูกบ่อนอุ้มจับมัดมือใช้ถุงดำคลุมหัว –เอามือปิดจมูก-ปาก ซ้อมทำร้ายร่างกาย รีดเงินกว่า 5 ล้าน กลุ่มคนก่อเหตุอ้างเป็นทหาร กล่าวหาโกงพนัน “เสือมังกร” ขู่ถ้าแจ้งความจะตามไปฆ่าทิ้ง แจ้ง ตร.เจอถามกลับ "ที่นี่บ่อนไม่ใช่เหรอ"  นักพนัน เผยกรุงเทพฯ มีบ่อนเป็นร้อย ตร.บอกไม่มีได้ไง ด้าน บช.น.แจง อุ้มปล้นนักพนัน เป็นเหตุ 2-3 เดือนที่แล้ว สั่งสอบเจ้าหน้าที่ปล่อยปะละเลยให้เกิดการเล่นการพนันหรือไม่


วานนี้ (27 ต.ค.) กลุ่มผู้เสียจำนวน 5 ราย จากทั้งหมด  7 คน เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ“สายไหมต้องรอด” หลังกลุ่มผู้เสียหายถูกบ่อนดังย่านถนนเลียบทางด่วนประดิษฐ์มนูธรรม อุ้มรีดเงินรวมแล้วกว่า 5 ล้านบาทโดยอ้างว่ากลุ่มผู้เสียหายโกงการเล่น “เสือมังกร”ทำให้บ่อนเสียเงิน


ทั้งหมดบอกว่าตระเวนเล่นมาหลายแห่ง และมาที่นี่เพราะเห็นเป็นบ่อนใหญ่ ยืนยันว่าก่อนหน้าเกิดเหตุ ก็มาเล่นอยู่ 2 วัน ยอมรับว่าดวงขึ้นเล่นได้บ้าง เสียบ้าง แต่ไม่ได้โกง ซึ่งทางบ่อนคงเข้าใจว่บพวกตนโกงจึงพยามรีดทรัพย์คืนกลับมารวม 7 คนมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท


หนึ่งในนักพนัน ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะนั้นตนเองและกลุ่มเพื่อนได้เข้าไปเล่นที่บ่อนดังกล่าวในช่วงเวลา 4 โมงเย็น ซึ่งก่อนหน้าก็ได้มีการเดินทางไปเล่นมาแล้วประมาณ 2 วัน รวมวันที่ 19 เป็นวันที่ 3 เมื่อเล่นไปได้สักพักถึงเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ตัวแทนของบ่อนก็ได้มีเรียกกลุ่มตนเองทั้งหมด 7 คน ขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ของอาคาร โดยกล่าวหาว่ากลุ่มพวกตนโกงการเล่น เสือมังกร จนทำให้บ่อนเสียเงินเป็นจำนวนมาก


ขณะนั้นประมาณ 3-4 ทุ่ม กลุ่มตนเองได้มีการแอบเอาโทรศัพท์มือถือติดตัวขึ้นไปด้วย จึงได้มีการโทรแจ้งตำรวจผ่านสายด่วน 191 ก่อนที่จะมีตำรวจติดต่อกลับมาเพื่อสอบถามสถานที่ เมื่อตนเองแจ้งพิกัดไป และตำรวจแจ้งว่าเดินทางมาถึงตามจุดที่ผู้เสียหายได้แจ้งไว้ ทางตำรวจปลายสายได้บอกว่า “สถานที่นี้เป็นบ่อนการพนันไม่ใช่หรอ” ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายได้ยืนยันว่า “ใช่และถูกคุมตัวอยู่ที่ชั้นสองของอาคาร” ปลายสายก็ตัดไปและไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลย


ในเวลาต่อมามีคนของทางบ่อนเดินขึ้นมา และแจ้งว่ามีคนในกลุ่มผู้เสียหายติดต่อโทรแจ้งตำรวจจึงได้มีการเคลื่อนย้ายกลุ่มตนเองขึ้นรถตู้ โดยอ้างว่าจะพาไปที่ สน.แต่ปรากฏว่ามีการพามาจอดพักรถไว้ที่ย่านถนนเลียบมอเตอร์เวย์นานกว่าชั่วโมงครึ่ง ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นช่วงเวลาที่มีตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ที่บ่อนการพนันดังกล่าว


เมื่อตำรวจออกจากบ่อนการพนันไป กลุ่มการ์ดที่มีการคุมตัวขึ้นรถตู้ไป แถวรามอินทรา (ใกล้ห้างแฟชั่นไอแลนด์) คาดว่าเปิดทางถ่วงเวลาให้ตำรวจเข้าไปค้น เข้าไปเคลียร์ และก็ได้มีการพาตัวกลับมาที่บ่อนการพนันอีกครั้ง พอผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก็พาพวกตนกลับไปที่บ่อน และให้ขึ้นไปชั้น 2 ทีละคน


ก่อนที่คนในบ่อนเรียกชายอ้างตัวเป็นทหาร 3 คน ขึ้นมาและใช้ถุงดำครอบหัว ทำร้าย ซ้อมนักพนัน 6 คน เหลือเพียงชาย 1 รายที่ไม่ถูกคลุมหัว เพราะมีอาการหอบหืด โดยชายทที่อ้างตัวเป็นทหารคนหนึ่ง เป็นคนเอาถุงดำคลุมหัว /1 คน จับมือไพล่หลัง /1 คน นั่งทับขา ก่อนเอามือปิดจมูกและปากบังคับให้โอนเงินในบัญชี บอกรหัสมือถือและเอทีเอ็ม ทำให้ผู้เสียหายทุกคนต้องยอม บอกรหัสโทรศัพท์ เพื่อให้กลุ่มที่รุมทำร้ายกดโอนเงินออกจากบัญชีไป โดยรวมแล้วเป็นเงินจำนวนกว่า 5 ล้านบาท


ซึ่งตลอดการซ้อมทำร้ายร่างกายจะถามตลอดว่า “มีเงินเท่าไหร่ให้เอามาให้หมด” ซึ่งกลุ่มคนที่รุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทุกคนมีมากกว่า 10 คน  เมื่อได้เงินไปตามที่ต้องการแล้ว ก็ได้มีการพาตัวกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดขึ้นรถตู้และนำมาทิ้งไว้ที่บริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ในช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า พร้อมข่มขู่ว่า “หากมีการแจ้งความดำเนินคดีจะติดตามไปฆ่าทิ้ง” พร้อมกับมีการถ่ายบัตรประชาชนของกลุ่มผู้เสียหายไว้ทุกคน เพื่อแสดงให้เห็นว่ารู้ข้อมูลที่อยู่ของผู้เสียหายทุกคน

หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายเป็นสาวประเภทสอง เล่าว่า กลุ่มของตน ไปเล่นเสือมังกรที่บ่อนตอนประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งมาเล่นที่นี่กันวันที่ 3 แล้ว ในกลุ่มนักพนันทราบดีว่า เป็นบ่อนใหญ่ มีนักเล่นในวันนั้น ประมาณ 200 ถึง 300 คน เพราะมีบาคาร่า 2 โต๊ะ / มีเสือมังกร 2 โต๊ะ มีไฮโล มีถั่ว ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เล่นเป็นวีไอพี


หลังเกิดเหตุ ช่วงเดือนกันยายน ตนตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจท้องที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจให้แจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้เกี่ยวข้องกับบ่อน และมีการประสานไปที่ตัวแทนของบ่อนพนัน และมีการส่งบุคคลเข้ามาทำบันทึกต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่าจะคืนเงินตามจำนวนที่มีการเอาออกไปจากบัญชีของผู้เสียหาย แต่สุดท้ายมีการคืนเงินมาเพียง 500,000 บาท จากจำนวนเงินทั้งหมดกว่า 2 ล้าน 5 แสนบาท ของผู้เสียหายรายนี้  

 ขณะที่เซียนพนันอีกรายและภรรยาโดนรีดเงินไป 4 แสนบาท กล่าวว่า ในบ่อนดังกล่าว เมื่อเดินเข้าไปในอาคาร ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ ถัดเข้าไปเป็นโต๊ะพนันเสือมังกร 2 โต๊ะ กำถั่ว บาคาร่า อย่างละโต๊ะ ไม่มีโต๊ะสนุกเกอร์ และมีทางเข้าด้านข้างอีกประตู มีนักเล่นนับร้อย มีการ์ดอีกนับสิบ ตนเอาโทรศัพท์เข้าไปในบ่อนได้เพราะรู้จักกับพวกผู้จัดการ กลุ่มของตนเล่นเยอะแทงเป็นแสนๆ และต้องใช้โทรศัพท์ในการโอนเงินแลกชิพ ครั้งละ 50,000-70,000 บาท


“บ่อนหาว่าเราโกงเขา เราไม่ได้โกง อุ้มเราไปเหมือนจะเอาไปฆ่า จะไปโกงบ่อนได้ยังไง มีคนคุมหน้าเสื่อ 3 คน ผู้จัดการ 1 คน คนคุมอีก 4-5 คน แล้วจะไปโกงได้ยังไง ในบ่อนเล่นกัน 300 กว่าคน มีการ์ดนับสิบคน ในบ่อนมี 6-7 โต๊ะในบ่อนไม่มีคำว่าลูกค้าโกงบ่อน มีแต่บ่อนโกงเรา ที่ออกมาร้องต้องการให้เอาเงินมาคืนและต้องการดำเนินคดี กลัวเขาจะมาฆ่าเพราะโดนข่มขู่ว่ารู้จักที่อยู่”


 “ตนเองไม่ได้แจ้งความเพราะกลัว ถ้าแจ้งก็เหมือนไปทะเลาะกับตำรวจ ตำรวจอาจโดนสั่งย้าย ตำรวจบอกว่าในพื้นที่ไม่บ่อน จะเอาสักกี่บ่อนล่ะชี้ได้เลย ติดกับโรงพักก็ 2 บ่อนแล้ว ตำรวจที่ไหนก็บอกไม่มีบ่อน บ่อนในกรุงเทพฯ มีเป็นร้อย มีทุกเขต”


 นายเอกภพ ระบุว่า จากการได้พูดคุยกับทางผู้เสียหายทำให้ทราบว่าบ่อนการพนันดังกล่าวถือว่าเป็นบ่อนใหญ่ เพราะทราบว่ามีหลากหลายการเล่นการพนันทั้งเสือมังกร บาคาร่า กำถั่ว หลากหลายวงอยู่ในพื้นที่อาคารเดียวกัน และมีคนเข้าไปเล่นจำนวนมากตลอดทั้งวันทั้งคืน ซึ่งการที่ตำรวจทราบว่าเป็นสถานที่เล่นการพนัน แต่กลับไม่เข้าไปดำเนินการใดใด ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ รวมถึงเมื่อผู้เสียหายมีการเข้าไปแจ้งความ


 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าต้องเข้าข่ายการปล้นทรัพย์เพราะมีผู้ก่อเหตุมากกว่า 10 คน แต่ตำรวจกลับให้แจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ โดยแจ้งกับทางผู้เสียหายว่าการที่เสียเงินไปถือว่าเป็นการเสียทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการจงใจแจ้งข้อหาที่ไม่ตรงกับการกระทำความผิด เพราะการปล้นทรัพย์ถือเป็นความผิดอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้


แต่การทำให้เสียทรัพย์สามารถจบลงได้ด้วยการเจรจาคืนเงิน รวมถึงพฤติกรรมในการทำร้ายร่างกายที่ใช้ถุงดำคลุมหัวถือว่าเข้าข่ายพยายามฆ่า แต่กลับไม่มีการพูดถึงในประเด็นนี้โดยหลังจากได้รับการประสาน ตนจะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทั้งหมด และประสานขอความช่วยเหลือไปที่ผู้บังคับบัญชาระดับผู้บังคับการเจ้าของพื้นที่ เพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีนี้

 14.00 น. (27 ต.ค.) นายเอกภพ ได้พากลุ่มผู้เสียหาย 5 คน ไปยืนยันสถานที่ที่ระบุเป็นบ่อนการพนันภายในซอยรามอินทรา ห่างจาก สน.โคกคราม 3 กิโลเมตร พบเป็นโต๊ะสนุ๊กเกอร์ ตั้งอยู่ในรั้วรอบขอบชิด มีป้ายระบุเปิดทำการ 24 ชั่วโมง ยังคงเปิดให้บริการปกติ มองจากด้านนอกเข้าไป เห็นว่าด้านหลัง มีอาคารที่เชื่อมกับด้านหน้า ซึ่งมี 2 ชั้น ซึ่งจุดนี้ผู้เสียหายอ้างว่า เป็นสถานที่ที่ถูกพาขึ้นไปทรมาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจังหวะโบ๊ะบ๊ะมาก! ระหว่างการยืนยันสถานที่ ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่ง สวมเสื้อยืดสีขาว ใส่กำไลทองคำที่ข้อมือ ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา โดยผู้เสียหายจำหน้าได้ว่าเป็นผู้ที่เคยเข้าโรงพักไปทำสัญญาชดเชยเงินที่ถูกรีดไถไป จึงมาพูดคุยกัน โดยชายดังกล่าวอ้างว่าตนเองชื่อ “หนุ่ม” จะมาเล่นสนุ๊กเกอร์เท่านั้น ยอมรับว่า ตนเองเป็นผู้ที่ไปหาผู้เสียหายที่โรงพักเพื่อทำสัญญาชดใช้เงินจริงตามคำสั่ง โดยได้เงินค่าจ้างมา 1,000-2,000 บาท


และที่ทำไปก็เพราะไม่มีเงิน ตกงาน ใครจ้างให้ทำอะไรก็ทำ หากให้เล่าก็จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ แต่ไม่ทราบว่าที่นี่เป็นบ่อนพนัน มีเพียงโต๊ะสนุ๊กเกอร์เท่านั้น โดยแฟนตนทำงานที่นี่มาได้เดือนเดียวและตนก็เคยมาเล่นสนุ๊ก ยอมรับว่าแต่แรก ไม่ทราบว่าผู้ที่สั่งให้ตนไปโรงพักนั้น สั่งให้ไปทำอะไร แต่หลังจากนั้น ตนเองก็เป็นผู้ที่คอยโอนเงินคืนให้ผู้เสียหาย ซึ่งก็พยามติดต่อผู้เสียหายเพื่อขอโอนเงินคืน แต่ไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้


นายเอกภพ กล่าวว่า พาผู้เสียหายมาดูสถานที่ที่ระบุว่าเป็นบ่อนพนัน พบว่ามีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะที่จะประกอบกิจการ แต่จะใช่บ่อนหรือไม่ต้องให้ตำรวจมาตรวจสอบ เบื้องต้นได้สอบถามกับนายหนุ่ม ผู้อ้างว่าแฟนทำงานที่บ่อนนี้โดยเจ้าตัวบอกว่า มีผู้ให้ตนเองไปทำสัญญาชดใช้เงินที่รีดไถจากผู้เสียหาย  จากการสอบถามทราบว่าบ่อนดังกล่าว เป็นบ่อนของเฮีย ต. /ที่เปิดพื้นที่ ให้เจ้ามือคนอื่นมาเช่าสถานที่เพื่อเปิดให้นักพนันมาเล่น ที่เกิดเหตุ มีหญิงที่ชื่อซาร่า มาขอเช่าจากเฮีย ต. เพื่อเปิดให้นักพนันเสี่ยงโชค


ด้าน พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก และพลตำรวจตรี นิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงกรณีที่มีการอุ้มลักพาตัวและปล้นเซียนพนันรีดเงินถึง 5 ล้านบาท ที่บ่อนใหญ่ย่านเลียบด่วนรามอินทราว่า  เบื้องต้นทาง ผบช.น.สั่งการให้ตำรวจท้องที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่าเป็นพื้นที่ไหนและเหตุเกิดเมื่อไหร่  การแจ้งเหตุมาที่สายด่วน 191 รวมทั้งมอบหมายให้พลตำรวจตรี นิตินันท์ ซึ่งดูแลงานจเรตำรวจนครบาลลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับตำรวจท้องที่แล้วว่าปล่อยปะละเลยหรือมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่


ซึ่งจากข้อเท็จจริงที่ได้รับมาระบุว่า มีการลักลอบเล่นการพนันจริง และสาเหตุที่คู่กรณีทั้งสองคนทำร้ายร่างกายกันนั้น เนื่องจากติดหนี้พนันจึงทวงหนี้โดยใช้กำลัง โดยผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความจริงในข้อหาทำร้ายร่างกายที่ สน. ซึ่งไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นที่ไหน (มีรายงานว่าเป็น สน.โคกคราม) แต่พอคู่กรณีตกลงกันได้ก็ไม่ติดใจเอาความ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นผ่านมา 2-3 เดือนแล้ว จนกระทั่งไปปรากฎข้อมูลไปยังเพจสายไหมต้องรอด จึงต้องตรวจสอบย้อนหลังว่าทั้งเรื่องการแจ้งความร้องทุกข์ การลงพื้นที่ของสายตรวจ และการทำงานของเจ้าหน้าที่ในตอนนั้นว่าปล่อยปะละเลยให้เกิดการเล่นการพนันหรือไม่


เบื้องต้นเตรียมให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เข้ามาให้ข้อมูลแล้ว ยืนยันไม่ปล่อยปะละเลยเรื่องนี้ แต่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/TwpcGz6OptM

คุณอาจสนใจ

Related News