สังคม

สายไหมต้องรอด นำ ตร.บุกจับลูกชายทรพี ทำร้ายแม่วัย 73 เจ็บสาหัสจนป่วยติดเตียง

โดย weerawit_c

4 ก.พ. 2567

44 views

เวลา 10.30 น. วันที่ 3 ก.พ.67 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน เดินทางลงพื้นที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 9 ซอยเลี่ยงปากเกร็ด 24 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อช่วยเหลือ นางสุดใจ วัย 73 ปี หลังเพื่อนบ้านแจ้งว่า ถูกลูกชายคนเล็กติดยาเสพติด และเมาทำร้ายร่างกายเป็นประจำ ล่าสุดถูกทำร้ายจนต้องหามส่งโรงพยาบาลกรมชลประทาน ปากเกร็ด นอนรักษาตัวกว่า 15 วัน


นายณัฐพล อายุ 49 ปี ลูกชายคนโต ทำงานบริษัทเอกชน เป็นผู้นำผู้สื่อข่าวและเพจสายไหมต้องรอด เข้าตรวจสอบภายในบ้าน ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งอยู่หลังสุดท้าย ที่เป็นตรอกตัน ด้านข้างขวาของบ้านมีห้องพักลูกชายคนเล็กของยาย แยกออกจากตัวบ้าน ส่วนภายในบ้านชั้นล่างพบ นางสุดใจ นอนอยู่กับพื้นบนฟูก ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สามารถลุกเดินได้ แต่มีสติให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้


คุณยายวัย 73 ปี มีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน ความดัน น้ำในหูไม่เท่ากัน รักษาตามสิทธิ์บัตรทอง รพ.กรมชลประทาน ปากเกร็ด  ทางเพจสายไหมต้องรอดนำตัวคุณยายส่งบ้านบางแค เพื่อทำการฟื้นฟูสภาพร่างกาย และรักษาอาการป่วยเบื้องต้น โดยจะมีการทำกายภาพบำบัด หลังจากนั้นจะทำการตรวจสอบสภาพครอบครัวและชุมชนว่า ลูกสามารถดูแลคุณยายให้กลับคืนสู่ครอบครัวได้หรือไม่


ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบห้องพักของนายสมพร อายุ 47 ปี ลูกชายคนเล็ก ที่เป็นผู้ทำร้ายคุณยาย พบนายสมพร พักอยู่ในห้อง สวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและขอตรวจห้องพัก พบอุปกรณ์เสพยาเสพติด เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า ได้ทำร้ายแม่จริง โดยอ้างว่าชกไป 1 ครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวให้มาขอขมาแม่ที่นอนป่วย ซึ่งนางสุดใจ ยอมให้อภัยลูกชายที่ทำร้ายตน แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฏหมาย


ยายสุดใจ กล่าวว่า ตอนนี้ตนมีอาการเจ็บที่ต้นคอ ไม่สามารถลุกนั่งได้ ก่อนหน้านี้ตนลุกนั่งได้ แต่ลูกชายคนเล็กทำร้ายบ่อยครั้ง ลูกชายคนเล็กเริ่มติดยาเสพติดตั้งแต่เรียน ปวช.ปี1 ก่อนติดยาเสพติดลูกชายเป็นเด็กดี กลับจากโรงเรียนตอนเย็นจะหุงข้าว ถูบ้าน ล้างจาน แต่พอติดยาเสพติด นิสัยเขาเปลี่ยนไป ตนบอกเขาไม่รู้กี่รอบแล้วให้เลิกยาเสพติด จะต้องติดคุกกี่ปีตนไม่สนใจ เขาจะได้เลิกยาเสพติดและมาดูแลครอบครัวเขาให้ดี ตนไม่ค่อยห่วงเขา เพราะเขามีเมียมีลูกแล้ว ตนให้อภัย เขาถ้าเขาเลิกยาเสพติดได้


นายณัฐพล ลูกชายคนโต กล่าวว่า ตนเป็นลูกชายคนโต ทำงานคนเดียวหาเลี้ยงแม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนมีปัญหาครอบครัวแยกทางกับภรรยา ป่วยเป็นซึมเศร้า และแพนิค ต้องออกจากงาน ใช้เงินเก็บรักษาตัวอยู่ 1 ปี จึงเพิ่งกลับมาทำงานได้ ไม่มีเวลาดูแลแม่ตอนที่ตนทำงาน กลับมาก็จะเห็นแม่มีร่องรอยเขียวช้ำตลอด แต่แม่ก็ไม่เคยบอกอะไรตน เพราะกลัวตนจะเอาตำรวจมาจับน้องชาย


แต่รอบนี้ตนยอมไม่ได้แล้ว จากที่แม่เคยช่วยเหลือตัวเองได้ และใช้ชีวิตได้ปกติ น้องทำจนแม่ช่วนเหลือตัวเองไม่ได้ และกลายเป็นคนหลงลืมไปด้วย ก่อนหน้าเมื่อ 3-4 ปีก่อน น้องชายก็เมามาและขอเงินแม่ ทะเลาะกับแม่ ตนเข้าไปห้ามก็ทะเลาะกันเขา เขาก็ทำลายทรัพย์สิน แจ้งความไป ตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติด ตำรวจก็ปล่อยตัวมา ตนไม่มีใครช่วยเหลือจึงต้องร้องเรียนไปที่เพจสายไหมต้องรอด เพื่อใก้สังคมรับรู้ว่า ครอบครัวไหนที่มีคนเสพยาเสพติดและติดยานานๆ พอรับตัวไปและแค่บำบัด ออกมาก็ก่อเหตุอีก และมีพฤติกรรมซ้ำๆ อีกตนต้องทนเรื่องแบบนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ตนทุกข์ทรมาน ชาวบ้านแถวนี้ก็ทุกข์ทรมาน


นายเอกภพ  เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับกรณี วันนี้ตนได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านและลูกชายคนโตคุณยายว่า เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา คุณยายถูกลูกชายคนเล็กที่ติดยาเสพติด และดื่มสุราทำร้ายร่างกาย จนบาดเจ็บสาหัสเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึง 15 วัน มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด แต่ไม่ได้มีการนำตัวลูกชายคนเล็กไปดำเนินคดี


หลังออกจาก รพ. คุณยายได้กลับมารักษาตัวที่บ้าน แต่เพื่อนบ้านไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากลูกชายคนโตไปทำงาน ในเวลากลางวัน คุณยายจะอยู่บ้านลำพัง และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นอนลักษณะติดเตียงอยู่คนเดียว เพื่อนบ้านก็หวาดกลัวไม่กล้าเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากลูกชายคนเล็กเวลาเมาและอาละวาด มีการจะใช้มีดปาดคอเพื่อนบ้าน ล่าสุดเมื่อวาน คุณยายนอนอยู่คนเดียว และไม่ได้ทานอาหาร


นายเอกภพ กล่าวต่อว่า โดยในวันนี้ได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มา เพื่อนำตัวนายสมพร ลูกชายคนเล็ก ไปดำเนินคดี เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้จะสร้างปัญหาให้กับสังคม


สำหรับกรณีที่ลูกชายคนเล็กเคยถูกจับไปแล้ว และมีการปล่อยตัว ตนอยากฝากถึงผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด อย่าดำเนินคดีในเรื่องข้อหายาเสพติดซึ่งเป็นผู้เสพและผู้ป่วย ต้องมีการตรวจสอบพฤติกรรมของลูกชายคนเล็กด้วย


ซึ่งเป็นการกระทำที่เย้ยกฎหมาย ทำร้ายร่างกายบุพการี ทำร้ายร่างกายเพื่อนบ้าน มีการข่มขู่และคุกคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปแถลงต่อศาลเพื่อให้รับฝากขัง เพื่อให้มีการจัดการให้เด็ดขาด ตนเชื่อว่าศาลรับฝากขังอยู่แล้ว เพราะคนแบบนี้เป็นอันตรายต่อสังคม การทำร้ายร่างกายบุพการี ไม่ถือว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ลูกทำร้ายแม่น่าจะถึงกับเสียชีวิตได้


คนแบบนี้มันเป็นเดนคนไม่สมควรใช้ พรบ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวได้ ซึ่งพบว่าผู้ก่อเหตุมีการกระทำซ้ำซาก ต้องใช้ข้อกฎหมายจัดการขั้นเด็ดขาด นอกจากนี้ยังค้นห้องพบอุปกรณ์เสพยาเสพติด ซองซิป ซึ่งผู้ต้องหาบอกว่า ยาเสพติดหาซื้อได้ง่าย ฝากถึงผู้กำกับ สภ.ปากเกร็ดด้วย ให้ตรวจสอบว่าผู้ต้องหาซื้อมาจากใครและซื้อที่ไหน เพื่อทำการกวาดล้างให้ประชาชนไม่ต้องเดือดร้อนแบบนี้


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน โดยตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายบุพการีจนบาดเจ็บสาหัส และจะทำการตรวจสารเสพติดในร่างกาย


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/Bo5-hS9PpL0

คุณอาจสนใจ

Related News