สังคม

หมอเก่ง-สุทิน ซักฟอกอนุทิน ซัดปลอดล็อกกัญชาห่วง UN ขึ้นบัญชีไทย

โดย taweelap_b

19 ก.ค. 2565

225 views

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 65 นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยเริ่มต้นด้วยการเปิดคลิปปราศรัยของ นายอนุทิน ที่เคยหาเสียงนโยบายกัญชาเสรี ซึ่งเนื้อหาในคลิประบุว่า “กัญชาไม่ใช่เสพติด แต่เป็นยาพารวย ปลูกได้ทุกบ้าน และรับจะรับซื้อกิโลกรัมละ 7 หมื่นบาท ไม่รวยตอนนี้จะรวยตอนไหน นำมาผสมอาหารก็ได้ หรือให้พี่ก็ได้เพิ่มเสียงหัวเราะให้ประชาชน”


นพ.วาโย ระบุว่า เป็นเรื่องน่าเสียดาย แทนที่จะสร้างเสียงหัวเราะประชาชนด้วยนโยบายเศรษฐกิจ แต่กลับมาสร้างเสียงหัวเราะด้วยกัญชา อีกทั้งยังได้โฆษณาชวนเชื่อกับประชาชนว่า ทุกคนจะปลูกกัญชาได้จนร่ำรวย สามารถนำกัญชาไปผสมอาหารหรือเสพได้ เหล่านี้ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกัญชาทางการแพทย์


โดยก่อนเริ่มเข้าเนื้อหา นพ.วาโย กล่าวว่า เราต้องยอมรับความจริง 3 ข้อ คือ 1.กัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล 2.กัญชามีทั้งประโยชน์ และโทษ 3.กัญชา ถ้าจะนำมาใช้ในการนันทนาการ ต้องระมัดระวัง ทั้งตัวเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน เพราะมีหลักฐานจากนักวิชาการว่าเมื่อเกิดโดนการใช้กัญชา จะมีปัญหาและพฤติกรรมผิดเพี้ยน ชนิดไม่กลับคืน


ทั้งนี้ นพ.วาโย ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า นายอนุทิน จงใจสร้างสุญญากาศทางกฎหมาย เพราะในระหว่างที่ปลดล็อกกัญชากัน กลับเพิ่งมีการยื่น ร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง เข้าสภาในวันที่ 26 ม.ค.65 เมื่อเป็นร่าง ฯ เกี่ยวด้วยการเงินก็ต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 9 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่รัฐมนตรีประกาศปลดกัญชาออกจากยาเสพติด เมื่อนายกรัฐมนตรีอนุมัติและส่งกลับมาก็ปิดสมัยประชุมไป 3 เดือน เพิ่งจะได้บรรจุเข้าวาระปลายเดือนพฤษภาคม และรัฐสภาพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณากฎหมายในวันที่ 8 มิ.ย. 65 หรือเพียง 1 วันก่อนครบกำหนด 120 วันที่จะถอดกัญชาออกจากยาเสพติดฯ


“ทำไมท่านไม่แก้ไขประกาศสาธารณสุขวันที่ 8 ก.พ. ยืดระยะเวลาออกไปจาก 120 วัน แค่นั้นเอง หรือหลังจากวันที่ 8 ก.พ. เห็นแล้วว่ากฎหมายผ่านไม่ทัน ท่านก็แค่ยกเลิกประกาศให้ใช้ประกาศเดิม รอจนกว่าจะมีกฎหมายควบคุมกัญชาแต่ท่านไม่ทำ พรรคก้าวไกลสนับสนุนการปลดล็อกกัญชา ทั้งทางการแพทย์และเพื่อสันทนาการ แต่จำเป็นต้องมีการควบคุมอย่างเหมาะสม เพราะแม้กัญชาจะมีประโยชน์ในการรักษาบางโรค แต่ก็มีหลักฐานยืนยันโทษของกัญชาเช่นกัน โดยเฉพาะกับพัฒนาการของเด็กและเยาวชน” นพ.วาโย


นอกจากนี้ การปล่อยให้ไม่มีการควบคุมกัญชา จนร้านค้านำไปผสมอาหารโดยไม่แจ้งผู้บริโภค ทำให้เกิดความหวาดกลัวผลข้างเคียงของกัญชา ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือท่องเที่ยวไทยก็กลัวว่าหากกินอาหารที่ผสมกัญชาเข้าไปโดยไม่รู้ตัวก็อาจเกิดปัญหากับประเทศต้นทาง จนอาจกระทบกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยอย่างมากด้วย สิ่งที่ทำนั้นจึงไม่ได้สนับสนุนเชิงการแพทย์ แต่เสี่ยงต่อเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว สุขภาพ และการทูต จึงไม่สามารถไว้วางใจนายอนุทินได้


ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุข และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่าทั้ง 2 คน จัดทำนโยบายกัญชาโดยไม่สุจริตใจ ทำให้เกิดการละเมิดกติกาโลก เนื่องจากไทยได้ไปลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ 1961 ขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN แถมยังละเมิดรัฐธรรมนูญไทย ละเมิดมติรัฐสภาไทย แล้วยังละเลยไม่ควบคุมกัญชา ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและประเทศ


โดยก่อนเข้าสู่เนื้อหา นายสุทิน ขอพูดความในใจ ว่า เรื่องนี้มีวิวาทะกันในสังคมมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีการเดิมพันด้วยธุรกิจ คำพูดของตนอาจจะกระทบกับประชาชนในบางส่วนและกระทบในธุรกิจกัญชาไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ แต่ก็อยากพูดเพื่อให้ความจริงได้ปรากฎตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ประชาชนจะถลำลึกและเจ๊งในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันก็ไม่สบายใจเนื่องจากตนก็เคารพนับถือกับนายอนุทิน ไม่อยากให้มีเรื่องโกรธกัน แต่การพูดของตนเป็นการเปิดโอกาสให้นายอนุทิน ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด ตนยืนยันว่าเรื่องที่จะพูดวันนี้เป็นเรื่องใหม่ทั้งหมด จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีอยู่ฟังจนจบ


ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่เนื้อหาการอภิปราย นายสุทิน เปิดคลิปเนื้อหาการปราศรัยช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 62 โดยเนื้อหาใจความส่วนหนึ่งในคลิป นายอนุทิน ระบุว่า "กัญชาเป็นยาพารวย เป็นยารักษาโรค และนำมาพี้สูบกันเองได้" นายสุทิน กล่าวต่อว่า การประกาศนโยบายดังกล่าวเป็นการติดกระดุมผิด เพราะการพูดขณะนั้นผิดกฎหมายโลก และกฎหมายไทยทุกข้อ ที่สะเทือนใจและผิดมากคือ "สามารถนำไปพี้และสูบได้ทุกคน"


ต่อมานโยบายดังกล่าวถูกนำมาเป็นเงื่อนไขต่อรองในการร่วมรัฐบาล ซึ่งนายกฯ ต้องจำยอม และกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลทันที นโยบายกัญชาที่ออกมาเป็นการละเมิดเกินเลยว่าที่สภาอนุมัติ แม้จะบอกว่าหลายประเทศทำได้ แต่มีหลายประเทศที่ละเมิด และที่ละเมิดอย่างรุนแรง คือประเทศแคนนาดา และประเทศอุรุกวัย ที่ขณะนี้กำลังถูกทั้งโลกลงโทษ และประเทศอุรุกวัยก็พยายามยกเลิกนโยบายกัญชาเสรี เพราะไม่คุ้มกับที่สูญเสียไป ซึ่งต่างประเทศส่วนใหญ่อนุญาติแค่ทางการแพทย์เท่านั้น ภายหลังปลดล็อกมีการวางขายกัญชาแบบเสรีอย่างชัดเจน ทำให้หลายหน่วยงานออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วย และมีเสียงคัดค้านกับการเปิดกัญชาเสรี แม้มีกฎหมายควบคุมกันชงกัญชาออกมา แต่สรรพคุณยาเสพติดก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปด้วย


"แล้ววันนี้ถ้ามาเทียบกับสิ่งที่จะได้ เรื่องเศรษฐกิจก็ไม่คุ้ม เรื่องสังคมก็จะเละ การที่ทำแบบนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะประโยชน์ทางการเมืองที่จำเป็นต้องทำเมื่อประกาศออกมาแล้วก็ต้องทำเพื่อให้ได้คะแนนเสียงทางการเมือง นายกฯ ก็ได้ประโยชน์ในการอยู่ในอำนาจ และมีพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าบริษัท STPI เครือชิโนไทยเดินหน้าธุรกิจกัญชงเต็มตัว เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศรับซื้อไม่อั้น จึงเกิดกระบวนการปลดล็อกกัญชา เปรียบเสมือนการนำประเทศทั้งประเทศไปค้าเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งหากเรื่องนี้นายกฯ ไม่อนุญาตให้ทำคงไม่สำเร็จ" นายสุทิน กล่าว


นายสุทิน กล่าวยืนยันว่า ตนไม่ได้คัดค้านกัญชาแต่ต้องอยู่ในกรอบการแพทย์ การวิจัย ไม่มีเรื่องสันทนาการ และไม่ขัดต่อมติโลก แต่ดูจากเจตนาของนโยบายกัญชาวันนี้ถือว่าสายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว จึงกังวลว่า UN จะขึ้นบัญชีให้ไทยเป็นประเทศที่ละเมิดของกฎคณะกรรมการควบคุมสารเสพติดนานาชาติ ซึ่งจะทำให้ไทยเสียสิทธิทางยาและอาจถึงขั้นงดให้ความร่วมมือกับไทยในการปราบปรามยาเสพติด หากไทยยังดื้ออาจจะถูกปรับออกจากภาคี ซึ่งจะทำให้ไทยไม่เหลือทั้งเกียรติภูมิ และความน่าเชื่อถือของประเทศ ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน อยู่ต่อยิ่งจะทำให้กัญชาเตลิดไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็วิตกกังวลจนขนลุกกันหมดแล้ว อีกทั้ง ยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่รัฐบาลจะต้องตอบประชาชนให้ได้

คุณอาจสนใจ

Related News