สังคม

สาวร่ำไห้ให้คนรู้จักยืมเงินกว่าล้านบาท แจ้งตำรวจบอกให้ทำใจ-ต้องฟ้องเอง

โดย taweelap_b

16 ก.ค. 2565

2.5K views

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 65 เวลา 08.00 น. น.ส.เอิร์น (สงวนชื่อ-สกุลจริง) อายุ 21 ปี ชาวต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นำเอกสารหลักฐาน ข้อความแชตระหว่างน.ส.เอิร์น กับผู้หญิงอีก 4 คนที่มายืมเงินก้อนหลักแสนรวมกว่า 1 ล้านบาท คือ น.ส.มี่ อายุ 23 ปี , น.ส.แพน อายุ 19 ปี, น.ส.มุก อายุ 23 ปี และ นางรุ้ง อายุ 44 ปี พร้อมสลิปการโอนเงินทั้งหมดตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว พร้อมข้อความทิ้งท้ายก่อนจะหายตัวไป ติดต่อกันไม่ได้จนถึงปัจจุบัน


โดยน.ส.เอิร์น นำเอกสารทั้งหมดมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตา เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนไม่มีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวที่มีทั้งลูกน้อยวัย 1 ขวบ 7 เดือน ต้องการเงินคืนเพราะมีหนี้สินทั้งรถทั้งบ้าน จากที่เคยมีเงินเก็บเป็นล้านบาทหวังจะสร้างบ้านสร้างครอบครัว ขณะนี้กลายเป็นหนี้รถ ทั้งบ้านยายสามีก็จะถูกยึด เพราะคนในครอบครัวป่วยจิตเวช แอบเอาที่ดินไปจำนองต้องหาเงินมาจ่าย ตอนนี้ขาดส่งไป 3 เดือนกลัวจะถูกยึดที่ทำให้ยายไม่มีที่อยู่ แจ้งความเมื่อประมาณ 5-6 เดือนที่แล้ว ตำรวจก็ไม่สามารถรับแจ้งความได้ อธิบายเหตุผลต่าง ๆ นานา ให้ฟังว่าเป็นคดีแพ่ง ต้องไปฟ้องเอาเอง ทำได้อย่างเดียวคือทำใจ จนหมดหนทางจะไป เพราะไม่มีเงินที่จะจ้างทนายไปฟ้องร้องใคร ต้องอยู่อย่างลำบากเลี้ยงลูก จนตอนนี้เงินไม่เหลือแล้ว เครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีจิตใจที่จะทำงาน จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือมายังสื่อมวลชน เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว


น.ส.กัญญาณี เล่าให้ฟังฟังว่า เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว ประมาณเดือน เม.ย.-พ.ค.64 เริ่มต้นจาก น.ส.มี่ ซึ่งเป็นเพื่อนกับพี่สาวของตน ขอยืมเงินมาทางพี่สาวอ้างว่าจะนำไปปิดโพยหวย เพราะเป็นเจ้ามือหวย ซึ่งพี่สาวก็บอกไว้ใจได้ จึงเริ่มให้ยืมและยืมแบบไม่ได้เก็บดอกเบี้ย เป็นเหมือนคนรู้จักให้ยืมเงินกันไม่มีสัญญา ตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสน โดยช่วงแรก ๆ น.ส.มี่ก็จ่ายคืน พอรอบสุดท้ายช่วง ก.ค.-ส.ค.64 ได้เงินก้อน 400,000 บาทไป ก็ปิดเฟซบุ๊ก ปิดการติดต่อทุกช่องทาง หนีหายไปจนถึงขณะนี้ ทราบเพียงว่าเป็นเจ้ามือหวยอยู่ในเมืองขอนแก่น


ต่อมาช่วงเดือน ส.ค.64 น.ส.แพน ซึ่งเป็นเพื่อนกับตนมาหา ซึ่งมาพร้อมกับ น.ส.มุก ซึ่งทั้ง 2 คนต่างยืมเงินตนอ้างว่าจะเอาไปร่วมลงทุนหุ้นเอกับ น.ส.รุ้ง อายุประมาณ 44 ปี ซึ่งตนก็ไม่ได้ถามเรื่องการลงทุนมากนัก เพราะไม่ได้สนใจ โดยในส่วนของน.ส.แพนนั้น ก่อนหน้านี้ เคยยืมเงินตนไป แต่ก็จ่ายคืนครบและเป็นเพื่อนเล่นด้วยกัน และช่วงเดียวกับ น.ส.มี่ มายืมนั้น น.ส.แพนได้มาขอยืมเงินจากตนด้วยจำนวน 200,000 บาท ตนปฏิเสธไม่ให้ยืมเงิน เพราะเป็นเงินที่เตรียมไว้สร้างบ้านสร้างครอบครัว เพราะมีลูกชายเพิ่งคลอด แต่ น.ส.แพน ไม่ละความพยายามหาเหตุผลต่าง ๆ นานา ตนก็ยอมใจอ่อนบอกว่ารอบนี้ขอให้เป็นรอบสุดท้าย เพราะต้องเอาเงินไปสร้างบ้านสร้างครอบครัว และตอนนี้ก็เริ่มมีปัญหากับสามี


ทั้งนี้ หลังจากให้ น.ส.มี่ ยืมเงินไป 400,000 บาทแล้วหนีไป ก่อนจะพา น.ส.มุก มายืมเงินตนอีกครั้งหลังจากผ่านไปประมาณ 1 เดือน โดย น.ส.แพน ยืมเงิน 150,000 บาท และน.ส.มุก ยืมอีก 150,000 บาท โดยทั้งคู่บอกว่าจะนำไปให้ น.ส.รุ้ง เพราะต้องการเงินไปปิดยอดที่ลงหุ้นกันไว้ ถ้าไม่ได้เงินก้อนนี้ไปให้ น.ส.รุ้งก้อน 200,000 ที่ น.ส.แพน ยืมไปก็จะไม่ได้คืน และ น.ส.มุก คาดว่าจะถูก น.ส.รุ้งยืมเงินไปหลายแสนบาทด้วยเช่นกันก็ขอร้องขอยืมเงินไปให้ น.ส.รุ้งเพื่อเอาเงินที่ น.ส.รุ้งนำไปลงทุนเอากลับคืนมา ด้วยความที่ว่าตนไม่มีอะไรจะเสียแล้วจึงให้ไป เพราะหวังว่าจะได้เงินทั้งหมดคืน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่มีเงินมาจ่ายให้


ในส่วนของน.ส.รุ้งนั้น ตนรู้จักผ่าน น.ส.แพน แนะนำว่าเป็นคนกว้างขวาง รู้จักคนเยอะ สามารถพาตามทวงเงินคืนจาก น.ส.มี่ได้ โดยมาขอยืมเงินตนภายหลังจากที่ น.ส.แพน และ น.ส.ไข่มุก ยืมไป อ้างว่าต้องการเงินไปปิดหุ้นเอาเงินคืน ถ้าไม่ได้เงินจำนวน 205,000 บาท ไปปิด ก็จะไม่มีเงินคืน น.ส.แพนและน.ส.ไข่มุก ซึ่งเงินก้อนนี้คือก้อนสุดท้ายของครอบครัวแล้ว ตนก็ไม่รู้จะทำหนทางไหนถึงจะได้เงินทั้งหมดคืนจากทุกคนจึงตัดสินใจยอมให้ น.ส.รุ้งไปจำนวน 205,000 บาท ติดตามทวงคืนหลังจากครบกำหนด น.ส.รุ้ง กลับอ้างต่าง ๆ นานา จะขายรถบ้าง บอกตอนเย็นขายรถได้จะโอนให้ 1 แสนบาท ก็ได้แค่ 5,000 บาท และได้เงินยิบย่อยมาตลอดตอนนี้เท่าที่นับดูเหลืออีก 150,000 บาท สำหรับหนี้ในส่วนของ น.ส.รุ้ง




น.ส.กัญญาณี เปิดเผยอีกว่า หลังจากที่เชื่อว่าทุกคนไม่สามารถหาเงินมาจ่ายให้ตนได้ เพราะมีข้อความทิ้งท้ายจาก น.ส.มี่ ว่าโดนโกงจากลงบัญชีหวยพร้อมบอกจะทยอยคืน ก่อนจะเงียบหายไปไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านไผ่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นำเรื่องราวไปปรึกษาว่าจะสามารถดำเนินคดีตามกฎหมาอย่างไรได้บ้าง ซึ่งทางตำรวจบอกว่าแจ้งความไม่ได้ เพราะเป็นคดีแพ่ง ต้องไปฟ้องร้องเอาเองที่ศาล ทำให้ตนเหมือนเจอทางตัน เพราะไม่มีเงินที่จะไปฟ้องร้องใคร ทุกเดือนต้องหาเงินมาชดใช้หนี้สินที่มี ทั้งรถ ทั้งบ้าน ทั้งลูกน้อยวัย 1 ขวบ 7 เดือน ตอนนี้มืดแปดด้านทำได้แค่ขอความเห็นใจเท่านั้น เพราะทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

คุณอาจสนใจ

Related News