อาชญากรรม

'ผู้เสียหาย' ทยอยแจ้งความ 'พยาบาลสาว' แอบอ้างใช้บัตร ปชช.ตุ๋นเงิน 'เสี่ยเต็นท์รถ' สูญกว่า 38 ล้าน

โดย paweena_c

14 มี.ค. 2567

2.5K views

เสี่ยเต็นท์รถถูกพยาบาลตีสนิทจนไว้ใจ แล้วหลอกยืมเงินไปปล่อยกู้ ดอกเบี้ยร้อยละ 8 แค่ 4 ปี ยอดทบต้นทบดอก 38 ล้าน มีคนกู้ทั้งหมด 680 คน ทำหมดตัวไม่มีเงินใช้ตอนแก่ หลังแจ้งความโร่พบทนายรัชพล ขอความช่วยเหลือ

กรณี นายวาสิตย์ อายุ 63 ปี เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสอง เข้าแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด บอกว่า ถูก น.ส.ธีรนันท์ อายุ 39 ปี พยาบาลโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใน กทม. ที่รู้จักกันเมื่อปี 2563 หลอก โดยเข้ามาตีสนิท จนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน จากนั้นได้มาขอยืมเงินไปปล่อยกู้ โดยเสนอให้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อเดือน

ซึ่งเริ่มโอนเงินไปปล่อยกู้ตั้งแต่ปี 2563 ครั้งเเรกโอนไปให้ 5 แสนบาท ครั้งที่สอง ก็ให้โอนไปให้อีก 1 ล้านบาท ก็มีการจ่ายคืนมาบางส่วน หลังจากนั้นก็โอนเงินให้เขาทุกเดือน เพราะเขาบอกว่ามีคนมาขอยืมเงินเพิ่มขึ้นตลอด ยืมรายละประมาณ 3 หมื่น ถึง 6 หมื่นบาท ซึ่งเขามีหลักฐานเป็นสำเนาบัตรประชาชน และสัญญาเงินกู้ ซึ่งคนที่กู้เป็นพนักงานโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่

กระทั่งต้นปี 2567 เห็นว่า ยอดเงินกู้มันสูงมากแล้ว ประมาณ 38 ล้านบาท มีบัตรประชาชนคนกู้ทั้งหมด 680 คน แต่ยอดจริงน่าจะ 700 กว่าคน เพราะช่วงปลายปีและต้นปียังมีคนมากู้อีก แต่ไม่ได้เอาบัตรประชาชนไว้ จึงบอกฝ่ายหญิงไปว่า ให้หยุดปล่อยกู้ เดี๋ยวจะดูแลไม่ทั่วถึง แล้วให้เก็บดอกผลมากิน เขาก็หยุด

กระทั่งวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ฝ่ายหญิงมาบอกว่า ไม่มีเงินคืนให้ เพราะเอาเงินไปใช้จ่ายส่วนตัวหมดแล้ว ตนเองถึงกับช็อก ยอดเงิน 38 ล้านบาท เป็นเงินทบต้น ทบดอก จากเงินต้นประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่เก็บหอมรอบริบมาทั้งชีวิต หวังเอาไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต ตอนนี้หมดตัวเเล้ว ด้วยอายุเท่านี้คงหาเงินขนาดนั้นไม่ได้อีก หลังจากวันนั้นก็ติดต่อพยาบาลคนนั้นไม่ได้ ถามไปที่โรงพยาบาลก็ทราบว่า ลาออกไปแล้ว จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ

ต่อมาตนเองก็ช็อกซ้ำ เมื่อได้โทรศัพท์ไปหาลูกหนี้ 30 ถึง 40 คน จากทั้งหมด 680 คน มีคนที่พร้อมเจรจาด้วยเพียง 3 คนเท่านั้น พอถามว่า เกี่ยวข้องอะไรกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ เขาบอกว่าเคยมาหาหมอ เมื่อถามว่ารู้จักนางพยาบาลคนนี้ไหมเขาบอกไม่รู้จัก ตนจึงบอกเขาว่า พยาบาลคนนี้เอาบัตรประชาชนเขามากู้เงิน ถึงรู้ว่าลายเซ็นที่สำเนาบัตรประชาชนเป็นลายเซ็นปลอม

จากที่ประเมินรายชื่อผู้กู้ทั้งหมด น่าจะเป็นผู้มาใช้บริการที่โรงพยาบาล แต่พยาบาลคนนี้อยู่แผนกไอซียู ไม่ได้อยู่เวชระเบียนที่ทำเกี่ยวกับเอกสาร ก็ไม่เข้าใจว่าเขาเอาเอกสารนี้ออกมาได้อย่างไร

ส่วนความสัมพันธ์กับพยาบาล เขาไม่ได้อยู่กับตนเป็นประจำ จะมาหาสัปดาห์ละครั้ง หรือ 2 สัปดาห์ครั้ง แล้วก็เป็นไปตามผู้ชายผู้หญิง ที่มีความสัมพันธ์กัน ช่วงที่คบหากันเขาสมถะมาก ไปนั่งกินข้าวริมทาง อาหารตามสั่งร้านลาบส้มตำ แม้แต่ซื้อของก็ซื้อร้านค้า 20 บาท โทรศัพท์ก็ไม่ได้เปลี่ยน เสื้อผ้าก็ธรรมดา พฤติกรรมแบบนี้ทำให้รู้สึกว่า เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ฟุ่มเฟือย แต่ตนไม่เคยเปย์ให้เขา เพราะเขามีรายได้จากเงินของตนที่นำไปปล่อยกู้อยู่แล้ว เรื่องการพนันเขาก็เล่นหวยบ้างไม่เยอะ ส่วนจะมีผู้ชายอื่นหรือไม่ ตนไม่รู้ เพราะเขาบอกว่าไม่มีใคร

ตนมีภรรยาและลูกแล้ว ตอนนี้เขารู้เรื่องแล้วจากสื่อ ตนก็สารภาพกับเขาไปแล้ว ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คุยกันแล้วเรียบร้อย เมื่อวานนี้ไปแจ้งความแล้ว จากนั้นได้ปรึกษาทนายเพิ่ม เพราะอยากตามตัวพยาบาลคนนี้โดยเร็ว

ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กล่าวว่า เรื่องของฉ้อโกงต้องดูเป็นรายเคส ทั้ง 680 คน ถ้ามีการกู้ยืมเงินกันจริง จะไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง เพราะไม่ได้หลอกลวง แต่ถ้าเอาบัตรประชาชนมา แล้วบอกว่าคนนี้จะกู้ยืมเงิน แต่ไม่ได้กู้ยืมเงินกันจริงๆ แล้วหลอกเอาเงินเราไป แบบนี้ฉ้อโกง ก็ต้องแจ้งความภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ไม่งั้นจะขาดอายุความ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ขาดอายุความ

ส่วนเรื่องเอกสาร ต้องไปสอบที่โรงพยาบาล ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล เพราะกฎหมายออกมาใหม่ระบุว่า คนที่ทำเกี่ยวกับเวชทะเบียนต้องเก็บข้อมูลให้ดี หากเกิดรั่วไหลไปก็เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนคนที่ถูกเอาบัตรประชาชนไปใช้ก็เป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกัน เพราะถูกแอบอ้าง ก็ขอให้มายืนยันตัวตน ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะไม่งั้นอาจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/98conYgdGHw


คุณอาจสนใจ

Related News