สังคม

เสียงวิจารณ์ กม.ใหม่ ต้องใช้ 'คาร์ซีท' ตร.ย้ำบังคับใช้ในอีก 120 วัน ตอนนี้ตักเตือน ยังไม่จับปรับ

โดย thichaphat_d

10 พ.ค. 2565

61 views

จากกรณี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม จากที่มีการประกาศใช้ พรบ. การจราจรทางบกฉบับที่ 13 พ.ศ.2565 ที่มีเนื้อหาสาระสำคัญกำหนดให้ คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และคนโดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท โดย พรบ.ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ใน 120 วันข้างหน้านั้น


ในกรณีดังกล่าวนี้ มีหลายคนที่เห็นด้วย เพราะความปลอดภัยของเด็กเล็กเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็มีบางรายที่ไม่เห็นด้วย เพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก ประกอบกับรถที่มีอยู่ไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้คาร์ซีท หรือไม่ก็มีจำนวนบุตรมากเกินกว่าที่จะติดตั้งคาร์ซีทได้ 


ทั้งนี้ มีความเห็นบางรายที่น่าสนใจ คือ เห็นด้วยว่าการบังคับใช้คาร์ซีทเป็นเรื่องที่ดี แต่รัฐควรออกกฎหมายให้คาร์ซีทเป็นสินค้าจำเป็น ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย เพราะตอนนี้ ราคาของคาร์ซีทต่างประเทศแค่ 6-7 พันบาท แต่พอมาเข้าไทย อัพราคาเป็นสองหมื่นบาท 


ขณะที่ พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเปิดเผยว่า ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า พรบ.จราจรทางบก ฉบับล่าสุดที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วัน หรือในวันที่ 5 กันยายนนี้ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีใจความสำคัญ คือ ป้องกันไม่ให้เด็กได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตรายหากเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยการจัดที่นั่งที่เหมาะสม


โดยระบุใจความสำคัญในการป้องกันไว้ 3 รูปแบบ คือ ผู้ปกครองต้องจัดที่นั่งนิรภัย หรือคาร์ซีท สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบหรือมีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร **หรือ** ต้องจัดหาที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก อายุไม่เกิน 6 ขวบหรือมีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร **หรือ** หาวิธีป้องกันสำหรับเด็กที่โดยสารบนรถ


หากตีความข้อกฎหมายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ไม่ได้บังคับตายตัวว่า จะต้องใช้เพียงที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือคาร์ซีท เพียงอย่างเดียว แต่ยังระบุว่า หรือ จัดหาที่นั่งสำหรับเด็ก เช่น การจัดให้เด็กนั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยให้ หรืออาจใช้วิธีการป้องกันอื่นๆ เช่น การนำเด็กมานั่งตักและคาดเข็มขัดนิรภัยให้ทั้งตัวเด็กและผู้ปกครอง


ซึ่งลักษณะและวิธีการป้องกันดังกล่าวต้องรอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่างข้อกำหนดให้ชัดเจนว่าการติดตั้งหรือจัดหาที่นั่งแต่ละแบบนั้น จะมีรูปแบบอย่างไร แบบไหนที่สามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ได้


โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะใช้เวลาในช่วงระหว่างที่ก่อนกฎหมายบังคับใช้ 120 วัน ร่างข้อกำหนดดังกล่าวให้เสร็จสิ้น และหากยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้นเรียบร้อย ก็ยังมีเวลาอีก 90 วันที่สามารถร่างข้อกฎหมายให้เสร็จสิ้นได้


ซึ่งคาดว่าหากใช้เวลาเต็มที่ กฎหมายดังกล่าวก็จะบังคับใช้ หรือมีการจับปรับได้ในวันที่ 5 ธันวาคม 2565 นี้ โดยในช่วงแรกนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะเน้นรูปแบบการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองทราบ และหาวิธีการป้องกันตามข้อกฎหมายดังกล่าวตามที่ระบุไว้ในเบื้องต้น แต่จะไม่ได้เป็นรูปแบบของการตั้งด่านตรวจหรือจับปรับในกรณีดังกล่าวโดยเฉพาะ


แต่หากเป็นเหตุซึ่งหน้า เช่น มีการตั้งด่านตรวจในกรณีอื่นๆ แล้วพบว่าผู้ปกครองไม่ได้จัดที่นั่งที่ปลอดภัยให้ ก็จะทำการตักเตือนประชาสัมพันธ์ให้แก้ไขให้ถูกต้องเท่านั้น


ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า หากเป็นรถโดยสาร รถแท็กซี่ รถประจำทาง หรือรถโรงเรียน กฎหมายดังกล่าวจะถูกบังคับใช้ไปด้วยหรือไม่ เรื่องนี้ตามข้อกำหนดแล้ว เป็นหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกที่จะต้องออกประกาศว่า รถชนิดใดที่จะถูกบังคับใช้ตามกฎหมายนี้ และรถประเภทใดที่ได้รับข้อยกเว้น


ซึ่งกรอบเวลาจะอยู่ในห้วงเดียวกันกับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ 120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา และบวกเพิ่มอีก 90 วันหากไม่เสร็จสิ้นเรียบร้อยหลังกฎหมายบังคับใช้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/qL7EfEzAJbI


คุณอาจสนใจ

Related News