สังคม

บุกสำนักพระกิโยติน สร้างในที่ทหารไม่ได้รับอนุญาต จ่อเอาผิดเรียงตัว 'พระ-ชี-ลูกศิษย์' ปล่อยให้ตัดหัวต่อหน้า

โดย thichaphat_d

20 เม.ย. 2564

4.4K views

หนองบัวลำภู-จากกรณีอดีตพระธรรมกร ฐานธัมโม หรือนายธรรมกร วังปรีชา อายุ 68 ปี อดีตเจ้าสำนักสงฆ์ภูหินกอง บ้านนาแค ต.ลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู สร้างเครื่องกิโยติน ตัดหัวตัวเองเสียชีวิต เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา หลังจากนั้นได้ให้ลูกศิษย์นำศพไปฌาปนกิจไว้ที่เนินเขาใกล้กับที่พักสงฆ์


นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู และพล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาที่พักสงฆ์ภูหินกอง เพื่อตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น


จากนั้นได้ทำการสืบสวนสอบสวนพยานประกอบด้วย พระสงฆ์ ลูกศิษย์ และแม่ชี นอกจากนี้ยังเข้าไปตรวจสอบด้านหลังของที่พักสงฆ์ ที่มีโลงศพแกะสลักสวยงามสีน้ำตาลที่ได้บรรจุร่างของพระธรรมกร ที่ยังมีศีรษะวางอยู่ในโลงอีกใบ


ขณะที่บรรดาพระ ลูกศิษย์ แม่ชี พยายามที่จะอธิบายถึงความเชื่อต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเป็นเรื่องของความเชื่อและความต้องการของผู้ตาย ทั้งนี้ที่แห่งนี้ยังไม่ได้เป็นสำนักสงฆ์ เป็นเพียงที่พักสงฆ์ และยังไม่มีการอนุญาตเป็นสำนักสงฆ์ เนื่องจากอยู่ในเขตหวงห้ามของทางราชการทหาร เท่าที่ทราบมีพระภิกษุสงฆ์อยู่ 1-2 รูป มีแม่ชี 5-6 คน และลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสอยู่อีก 2-3 คน


ด้าน พ.อ.พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล รอง ผอ.กรมน.หนองบัวลำภู เปิดเผยว่า ตามรายงานพื้นที่นี้เป็นเขตของทหารมณฑลทหารบกที่ 28 จริงเท็จหรือไม่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ หากอยู่ในพื้นที่ทหารจริงๆ ทหารจะหารือกับสำนักพุทธว่าส่วนที่เป็นวัตถุที่ตรงกับคำสอนเราจะทำอย่างไรต่อ แต่หากขัดหรือผิดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา จะต้องมีการนำออกจากสถานที่แห่งนี้ สำนักสงฆ์แห่งนี้ได้มีการขออนุญาตก่อตั้งครั้งหนึ่งเมื่อประมาณปี 61 แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต หลังเกิดเรื่องจะได้เสนอผู้บังคับบัญชาและตรวจสอบที่พักสงฆ์แห่งนี้ต่อไป


ขณะที่ พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู เปิดเผยว่า สำหรับการดำเนินคดีเราได้มีการเรียกประชุมและทราบผลว่า คดีนี้ไม่มีปัญหาแนวทางการสืบสวน สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐานเรามีการรวบรวมไว้แล้ว ทั้งพยานในที่เกิดเหตุ ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ


นอกจากนี้เรายังนำมูลเหตุมาประกอบกับการสืบสวน คือ แนวความคิดแนวความเชื่อของผู้ตาย ตามกฎหมายแล้วเมื่อมีการตายที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้น ผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นญาติหรือเพื่อนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่และรักษาสภาพพื้นที่และสภาพศพไว้ หากใครเคลื่อนย้ายศพหรือทำลายสภาพแวดล้อมก็อาจจะมีความผิดได้ กรณีมีคนไปทำลายหลักฐานทั้งการล้างเลือด เคลื่อนย้ายศพ และเผาศพ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามา คิดได้ว่าเป็นการส่อพิรุธหรืออาจจะคิดไปในเรื่องของความเชื่อก็ได้ ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ หากลูกศิษย์ร่วมกันสร้างกิโยตินหรือเกี่ยวข้องต่างๆ ก็อาจจะถูกดำเนินคดีได้เช่นกัน


สำหรับที่ตั้งกิโยตินตัดคอพระธรรมกร พนักงานสอบสวนยอมรับว่าร่องรอยต่างๆ ในบริเวณนั้นถูกรื้อออกไปหมดแล้วคงสภาพเหมือนปกติที่ไม่มีอะไรอย่างที่ทุกคนเห็น ประเด็นการตามหาตัวเสาตั้งกิโยติน ทางตำรวจแจ้งว่ากำลังติดตามหาอยู่


ส่วนคำถามที่ว่าใครเป็นผู้อนุญาตให้มีการเผาทำลายศพ พ.ต.ท.ไพโรจน์ คำมะตะศิลา สารวัตรสอบสวนพนักงานสอบสวนแจ้งว่าญาติไม่ติดใจสาเหตุการตายพนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้ญาตินำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ซึ่งก็สร้างความกังขาให้สังคมอย่างยิ่ง ต่อข้อสงสัยว่า มีคนช่วยร่วมพิธีหรือไม่ ใครที่ปรากฏในคลิปข่าวบางช่องที่สามารถห้ามมิให้พนักงานสอบสวนชันสูตรอย่างละเอียด ใครที่ทำลายหลักฐานการใช้กิโยตินตัดคอในครั้งนี้


ขณะเดียวกันทางด้านพระมหาไพรวัลย์ พร้อมด้วยหมอปลา เดินทางมายังสำนักสงฆ์ โดยได้พูดคุยกับลูกศิษย์ของวัดถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยลูกศิษย์บอกว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นความประสงค์ของท่านที่ท่านได้ลั่นวาจาและเขียนเป็นจดหมายไว้แล้ว ตนเองในฐานะลูกศิษย์เคยห้ามแต่ก็ได้แค่ห้ามเท่านั้น ไม่สามารถทำอะไรได้


จากนั้นหมอปลาได้เดินทางไปตรงจุดที่เผาศพนำก้อนอิฐวางทับกันไว้ โดยหมอปลามีอาการหน้าแดงและรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาทันที พร้อมกับอาเจียนหลายครั้ง โดยบอกว่า อดีตพระรูปนี้ที่ตัดคอตัวเองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและหวังจะตรัสรู้เป็นปัฐเจกพุทธเจ้าไม่ใช่แน่นอน ตนรู้สึกได้ว่าเป็นสัมภเวสี ทางแก้คือเอาก้อนหินเหล่านี้ออกจากนั้นนำกระดูกไปลอยอังคาร แต่ต้องถามลูกศิษย์จะยอมไหม


สำหรับโครงที่ทำกิโยตินทางเจ้าหน้าที่กำลังติดตามหาอยู่ว่าถูกทำลายหรือเอาไปไว้ที่ไหนอย่างไรต่อไป


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Hl0B28pFdGs

คุณอาจสนใจ

Related News