สังคม
เพื่อนเช่าเบนซ์ 'ไม่จ่าย-ไม่คืน' ให้ตร.พาทวงถึงบ้านไม่ช่วย ลั่นพามาแล้วจะทำยังไงก็ทำ ก่อนขึ้นรถกลับ
โดย paweena_c
6 ส.ค. 2567
1.4K views
เจ้าของรถเบนซ์ร้องสื่อ ถูกเพื่อนขอเช่ารถไม่ยอมจ่ายเงิน ก่อนเชิดรถหาย แจ้งตำรวจพาไปถึงบ้านขอให้ช่วยอายัดแต่ไม่ทำให้ บอกเจ้าของรถ “รถคุณคุณจะทำอย่างไงก็ทำ ผมมาให้คุณแล้ว” ก่อนจะเดินทางกลับโรงพักไป
จากกรณีเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 โพสคลิปที่มีคนกำลังเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง พร้อมข้อความว่า #ร้องเรียนตรวจสอบ #เล่าเรื่องจากหลังไมค์ ให้เช่ารถ..ค้างค่าเช่าไม่คืนรถ..ตามรถคืนพา จนท.ตร.ไปแต่ทำอะไรไม่ได้..วอนสื่อสังคมช่วยตามประเด็นด้วย
เหตุการณ์เริ่มจากการปล่อยรถเช่า หลังจากนั้นผู้เช่าก็จ่ายค่าเช่าไม่ตรงตามกำหนดติดต่อกันมาหลายเดือน ถึงค้างค่าเช่าจะเข้าเดือนที่ 2 จนกระทั่งวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ทางเราแจ้งให้ผู้เช่านำรถมาคืนที่ สภ.เมืองขอนแก่นภายใน 24 ชม. แต่ก็ไม่ได้นำรถมาคืน ต่อมาในวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ได้เข้าไปแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ผมได้ไปตามรถคืนที่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ได้เข้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.สุวรรณภูมิ ให้เข้าไปนำรถผมคืนเพราะว่ารถจอดอยู่ในบ้านของผู้เช่า
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ขอดูเอกสารต่าง ๆ ทั้งใบแจ้งความ หน้าเล่มรถ ชื่อผู้ถือครองรถ พอเจ้าหน้าที่ได้พาเราไปยังบ้านที่มีรถเราจอดอยู่ ตำรวจก็ถามหาเจ้าของบ้าน พอเจ้าของบ้านมา ก็คุยกับตำรวจหลังจากนั้นตำรวจก็เดินทางกลับ สภ. ทิ้งให้เราอยู่ที่นั้นกับรถของเรา ตำรวจไม่ช่วยเหลืออะไรเราเลย ทั้ง ๆ ที่รถก็เป็นรถเราเอกสารทุกอย่างเรามี
พอดีบ้านหลังที่เราไปเจอรถ คือเขาเป็นคนมีหน้ามีตาทั้งบ้านครับ อีกอย่างถ้าดูจากในคลิปทำไมเราถึงไม่ขับรถเราออกมาเพราะเท่าที่เรารู้มา ผู้เช่าขายเครื่องมือแพทย์เสริมความงาม และนางก็พึ่งพ้นโทษได้ปีกว่า ๆ มันเลยทำให้เราไม่ขับรถเราออกมาเพราะเราต้องการให้ตำรวจ ตรวจภายในรถทั้งหมดก่อนว่ารถไม่ได้มีอะไรที่ผิดกฎหมายอยู่ เราถึงจะขับรถออก แต่สุดท้ายตำรวจก็บอกว่ารถคุณคุณจะทำอย่างไงก็ทำ ผมมาให้คุณแล้วและก็กลับ สภ.ไป
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 6 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อผู้ที่ร้องเรียนกับเพจดังกล่าวได้ ทราบชื่อว่า นายณภพ อารยเดชะธรรม อายุ 34 ปี ปัจจุบัน ประกอบธุรกิจส่วนตัว พักอาศัยอยู่ที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเจ้าของรถยี่ห้อเบนซ์ รุ่น SLK200 สีดำ มูลค่า 3,200,000
เขาเปิดเผยว่า กรณีที่ร้องเรียนกับเพจดังกล่าวนั้น มีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามคลิปจริง โดยก่อนจะเกิดเหตุการณ์ในคลิปนั้น เกิดจากการที่ นส.ปุย (นามสมมุติ) ชาว จ.ร้อยเอ็ด มีอาชีพขายเครื่องมือแพทย์ให้กับสถานเสริมความงาม ซึ่งเป็นคนที่รู้จักกัน แต่ไม่มีรถหรูใช้ ทีแรกได้มาขอยืมรถเบนซ์ไปใช้ เพื่อให้ภาพลักษณ์การค้าดูดี ดูน่าเชื่อถือ จึงให้ยืมไป แต่ได้บอกว่า หากมีคนเช่าต้องเอามาคืน จากนั้นในเดือนเมษายน 2566 นส.ปุย ได้ขอเช่ารถเบนซ์ รุ่น SLK200 สีดำ ทะเบียน ฆจ 5953 กรุงเทพ จึงตกลงค่าเช่ากันที่เดือน 70,000 บาท เพราะปกติรถหรูรุ่นนี้ คิดค่าเช่ารายวันๆละ 9,900 บาท ด้วยความที่เป็นคนรู้จักกันจึงให้เช่าเป็นรายเดือน และไม่ได้ทำสัญญา
จากนั้น นส.ปุยก็มารับรถไปใช้ และมีการจ่ายค่าเช่า ต่อมาเดือนที่ 2-3 นส.ปุยได้ขอลดค่าเช่า จึงลดเหลือเดือนละ 30000 บาท ซึ่งก็พอจ่ายค่างวดรถ โดยที่นส.ปุยรับปากว่าจะดูรถให้เป็นอย่างดี ทำ พรบ.ต่อประกันให้ ไม่ต้องห่วง แต่หลังจากนั้นก็เริ่มจ่ายค่าเช่าไม่ตรง ทั้งยังขอยืมเงินสดอีก 150,000 บาท ก็ให้ยืมไป เพราะคิดเพียงว่าให้เขาได้ตั้งตัว เนื่องจาก นส.ปุยเคยติดคุก เพราะถูกกองบังคับการปราบปราม ในข้อหา ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น, มีไว้เพื่อนำออกใช้และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบฯ, ฉ้อโกงประชาชนฯ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ จนได้ฉายาจอมโจรทิวลี่ และเพิ่งออกจากคุกมา ยังไม่มีเงินทอง จึงให้เช่ารถไปใช้ ให้ยืมเงิน แต่เงินที่ยืมก็ไม่ได้คืน ซึ่งก็ไม่ได้ทวงถาม
ต่อมาเดือนมิถุนายน 2567 นส.ปุยมาขอยืมเงินก้อนที่ 2 จำนวน 150,000 บาทพร้อมหน้าเล่มสมุดคู่มือรถที่เช่าไป จึงเอะใจว่า ไม่ใช่เจ้าของรถจะเอาไปทำอะไร อีกทั้งใบสั่งจากโรงพักต่าง ๆ ก็ส่งมาที่ตนในฐานะเจ้าของรถ ตนก็จัดการเสียค่าปรับไปหลายครั้ง ประกันภัยรถยนต์ตนก็ทำและจ่ายเงินไปหลายหมื่นบาท จึงตัดสินใจทวงรถคืน โดยติดต่อให้นส.ปุยนำรถมาคืนที่สภ.เมืองขอนแก่น แต่ นส.ปุยไม่นำมาคืน จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น ในวันที่ 2 ก.ค. 67
จากนั้นวันที่ 3 ก.ค. 67 ได้นำใบแจ้งความเดินทางไปที่บ้าน นส.ปุย ในอำเภอสุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อจะเอารถคืน แต่ก่อนจะเดินทางไปที่บ้าน ได้ขอคำปรึกษากับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ว่าต้องทำอย่างไร เพราะเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่าบุกรุก ซึ่งได้รับคำแนะนำว่า ให้ไปที่ สภ.สุวรรณภูมิ มอบหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถเบนซ์ให้ตำรวจ และขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้พาไปที่บ้าน นส.ปุย
เมื่อถึงบ้าน นส.ปุย ก็เห็นรถเบนซ์จอดอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ประสานกับคนในบ้าน ซึ่งทราบว่า นส.ปุยเพิ่งออกจากบ้านไป คนในบ้านจึงประสานให้เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นพ่อของนส.ปุยมาที่บ้าน เมื่อพ่อ นส.ปุยคุยกับตำรวจ ตำรวจ 4 คน ก็เดินทางออกจากบ้าน โดยบอกว่า เรื่องรถที่มีปัญหา คุยกันเอาเอง แล้วก็เดินทางกลับออกไป พ่อของนส.ปุย จึงทำการล็อคประตูบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะที่ขณะนั้นเพื่อนที่ไปด้วยกัน ใช้กุญแจสำรอง เปิดเข้าไปในรถ เพื่อจะให้ตำรวจ ตรวจภายในรถ เนื่องจากเกรงว่า หากขับออกไปโดยพละการ จะถูกกล่าวหาว่าลักทรัพย์สินในรถได้
แต่ตำรวจไม่ตรวจ และรีบออกจากบ้านไป จากนั้นก็ถูกพ่อของนส.ปุย กล่าวหาว่าบุกรุกบ้าน จึงขอร้องให้ พ่อ นส.ปุยปล่อยเพื่อนออกมา ซึ่งก็ได้ปล่อยพร้อมกับบอกว่า คนออกได้ แต่รถห้ามเอาออกไปเด็ดขาด จึง งงงวย กับสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าของรถจะเอารถคืน แต่กลับไม่ได้คืน ซ้ำยังถูกกล่าวหาว่าบุกรุกทั้งที่ขอเข้าไปพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ตำรวจสภ.สุวรรณภูมิ ไม่ช่วยอะไรเลย จึงโทรศัพท์ขอคำปรึกษากับตำรวจสภ.เมืองขอนแก่นอีกครั้ง ได้รับคำแนะนำให้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สภ.สุวรรณภูมิ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายณภพ อารยเดชะธรรม กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่ นส.ปุยไม่ยอมคืนรถ ทั้งยังติดต่อมาบอกว่า เงินพร้อมรถก็พร้อม ซึ่งเท่ากับว่า นส.ปุยกำลังเรียกร้องเอาเงินจากตนที่เป็นเจ้าของรถ ได้เงินแล้วจึงจะคืนรถให้ ซึ่งมันไม่ใช่ และเมื่อเกิดปัญหา ไม่มีทางออกจึงร้องเรียนไปยังเพจดังกล่าว เพราะนส.ปุยนั้น น่าจะมีสำนึกบ้าง จากคนที่ไม่มีรถหรู ก็ให้เช่ารถหรู ในราคาถูกไปใช้เพื่อภาพลักษณ์ในการค้าขาย แต่สุดท้ายมีประพฤติตัวแบบนี้ จึงอยากจะฝากบอกว่า ปัญหามันไม่เกิดถ้า นส.ปุยยอมคืนรถดี ๆ ไม่ใช่ของตัวเองจะครอบครองไว้ทำไม เงินที่ยืมก็ยังไม่คืน ค่าเช่าก็ได้ไม่ครบ ยังจะเรียกร้องเอาอะไรได้อีก
และฝากถึงตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ หากวันนั้นไม่ผลีผลาม และทำการตรวจยึดรถเบนซ์มาเก็บไว้ที่สภ.สุวรรณภูมิ ก็จะไม่มีปัญหาลุกลามแบบนี้ ซึ่งขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากภาค 4 ลงพื้นที่ไปที่บ้าน นส.ปุยแล้ว แต่ไม่พบรถเบนซ์ของตน และหากเกิดปัญหากับรถเบนซ์ของตน ใครจะรับผิดชอบ และถ้าวันนั้น ตำรวจสภ.สุวรรณภูมิ ยึดรถมาเก็บไว้ที่โรงพักก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ถ้า นส.ปุยและครอบครัวมีปัญหา อยากร้องขอความเป็นธรรมด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็สามารถจะทำได้ แต่ไม่ใช่ตำรวจปล่อยทิ้งแบบนี้ ถ้าตำรวจที่เป็นผู้บังคับใช้กฏหมายไม่ช่วยเหลือ ประชาชนจะพึ่งพาใครได้อีก
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก. สภ.เมืองขอนแก่น ทราบว่า ตามที่มีประชาชนร้องเรียนไปยังเพจ ดังกล่าวนั้น จากการตรวจสอบทราบว่า มีเจ้าของรถแจ้งความที่สภ.เมืองขอนแก่น จริง แต่การที่เจ้าของรถและตำรวจ เดินทางไปยังบ้านคนที่เช่ารถนั้น อยู่ในพื้นที่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จึงไม่ทราบรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนของตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น พื้นที่ที่ได้รับการรับคำแจ้งความร้องทุกข์นั้น หลังรับแจ้งจากทางเจ้าของรถที่เป็นผู้เสียหาย ก็จะได้ทำหมายเรียก เรียกตัวคนเช่ารถมาสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวไปสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับ พันตำรวจเอก ประวิทย์ โทหา ผู้กำกับการ สภ.สุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เผยว่า ได้ประสานตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น จากบันทึกประจำวันแจ้งความของ สภ.ขอนแก่น แล้ว พบว่า ทั้ง 2 ฝ่าย รู้จักกันมาก่อน และรถยนต์คันดังกล่าว ไม่ใช่รถเช่า แต่เป็นรถที่ผู้ครอบครอง มอบให้ผู้ถูกกล่าวหาเอาไปใช้ พร้อมกับให้ผ่อนจ่ายค่างวดรถ เดือนละ 30,000 บาท ให้ด้วย เพราะเจ้าตัวไปต่างประเทศ แต่ผู้ถูกกล่าวหาจ่ายค่างวดช้า ผู้ครอบครองรถจึงไปแจ้งความ
ส่วนเรื่องที่ผู้ครอบครองรถ ให้ตำรวจพาไปบ้านผู้ถูกกล่าวหา ตำรวจพาไปได้ แต่ไม่สามารถจับกุมได้ เพราะยังไม่ได้สอบสวนเรื่องราวในคดีอย่างชัดเจน ว่าเป็นความผิดทางแพ่ง หรืออาญา ซึ่งในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของ สภ.ขอนแก่น ที่เป็นผู้รับแจ้งความ แต่ สภ.สุวรรณภูมิ ก็พร้อมให้ความร่วมมือ หากมีการประสานเข้ามาในพื้นที่