สังคม
โผล่อีก! คาเฟ่โดนเรียก 2 ล้าน ปมถ้วยเหมือน 'ปังชา' ร้านยันซื้อมาจากจตุจักร เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
โดย paweena_c
1 ก.ย. 2566
247 views
โผล่อีกเจ้าของร้านคาเฟ่ ร้านดังในจังหวัดสงขลา ถูกเรียกเงิน 2 ล้านบาท เป็นกรณีปมถ้วยไอศกรีมเหมือนร้านดัง ขณะกรมทรัพย์สินทางปัญหาชี้แจงเมนู ปังชา น้ำแข็งใส ชาไทย ใคร ๆ ก็ใช้และทำได้
จากกรณีดราม่า หลังร้านดังจดทะเบียน "ปังชา" สงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ ทำให้ร้านค้ารายย่อยที่ใช้ชื่อว่าปังชา ในจังหวัดเชียงราย โดนเรียกเงิน 102 ล้านบาท และมีอีก 2 รายที่จังหวัดสงขลา ก็โดนด้วย
โดยผู้สื่อข่าวของเราไปสอบถาม คุณแตงกวา เจ้าของร้านชา "ทางช้างเผือก" จังหวัดสงขลา บอกว่าทางร้านเพิ่งเปิดขายชาและนมสด เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา และต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 27 ส.ค. ได้รับหนังสือจากทนายที่อ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากบริษัทใหญ่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดัง ในกรุงเทพฯ เพื่อขอให้ยุติการกระทำอันเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้า เเละเรียกค่าเสียหาย พร้อมกับแนบเอกสารตัวหนังสือดังกล่าว ลงวันที่ 26 ก.ค. 66 จำนวน 2 ใบ และเอกสารรูปภาพหน้าเพจและป้ายไฟของร้านที่มีการติดสติ๊กเกอร์ด้วยตัวอักษรสีฟ้าคำว่า "ปังชา" ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิหรือเครื่องหมายการค้า
โดยในหนังสือยังระบุว่า จะมีการเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 7 แสนบาท หากล่าช้าจะปรับเงิน 10,000 บาทต่อวัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับจดหมาย รวมทั้งให้แสดงความขอโทษผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ รวมทั้งจะมีการเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม หากพบความเสียหายในส่วนอื่นๆ ด้วย
คุณแตงกวา บอกว่า หลังได้รับหนังสือตกใจมากว่าทำผิดอะไร และต่อมาได้มีการติดต่อไปยังผู้รู้กฎหมาย รวมทั้งเจ้าของร้านที่เชียงรายที่ปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆ แล้วด้วยเพื่อหาทางออก ซึ่งทางร้านขอยืนยันว่าไม่ได้มีการเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเครื่องหมายการค้าของร้านดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะคำว่า "ปังชา" ทางร้านแค่เพียงใช้สื่อความหมายรวมถึงขนมปังและชาเอาไว้ในคำเดียวเท่านั้น และแค่ติดสติ๊กเกอร์เอาไว้ที่ป้ายไฟที่วางหน้าร้านจุดเดียว ส่วนชื่อร้านชื่อ "ทางช้างเผือก" ไม่ได้มีเกี่ยวข้องใดๆ รวมทั้งลักษณะร้านคนละแนวกันด้วย
เจ้าของร้านยังบอกด้วยว่า เบื้องต้นนั้นทางร้านได้ทำการลอกสติ๊กเกอร์สีฟ้าคำว่า "ปังชา" ออกไปจากป้ายไฟหน้าร้านแล้วเพื่อตัดปัญหา รวมทั้งในเพจของทางร้านที่บางแฮชแท็กอาจจะมีคำว่า "ปังชา" รวมอยู่ด้วยก็ได้ลบออกไปแล้วเช่นกัน เพราะไม่อยากมีปัญหา
ทั้งนี้ ในส่วนของทางร้านได้มีการติดต่อกับทางร้านที่ จ.เชียงราย ที่ได้รับหนังสือโนติ๊สการละเมิดเครื่องหมายการค้า และเรียกค่าเสียหายในลักษณะดังกล่าวเช่นเดียวกัน รวมทั้งได้สอบถามในเบื้องต้นกับทางผู้รู้กฎหมายและทนาย รวมถึงช่องทางสื่อมวลชนเพื่อขอคำปรึกษา แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการในทางกฎหมายหรือจะฟ้องร้องกลับใดๆ โดยจะรอดูท่าทีอีกครั้ง
รวมทั้งขอให้ทางบริษัทใหญ่ดังกล่าวเห็นใจเจ้าของร้าน หรือผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วย อย่าใช้ข้อกฎหมาย หรือช่องโหว่ทางกฎหมายมารังแกกัน อีกทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบในข้อเท็จจริง
เช่นเดียวกับ คุณนุ๊ก เจ้าของร้านตั้งใจชง คาเฟ่ดังในเมืองหาดใหญ่ สงขลา เปิดใจว่า ตนได้รับหนังสือโนติสเมื่อประมาณวันที่ 30 เม.ย.2566 โดยเอกสารระบุว่า "ขอให้ยุติการใช้ผลิตภัณฑ์ถ้วยไอศกรีม ที่ได้รับสิทธิบัตรของผู้อื่น เนื่องจากบริษัทผู้ร้องนั้นได้รับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา
โดยทนายความผู้รับมอบอำนาจ ระบุขอให้ร้าน ตั้งใจชง ยุติการใช้ผลิตภัณฑ์ถ้วยไอศกรีมดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นผลิต ขาย ใช้ภายในร้าน หรือแม้แต่เป็นภาพถ่ายเพื่อการโฆษณา โดยขอให้ลบรูปภาพดังกล่าวออก นับตั้งแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้ หากท่านยังเพิกเฉย ไม่ยุติการใช้ผลิตภัณฑ์ถ้วยไอศกรีมดังกล่าว บริษัท ขอคิดค่าเสียหายในส่วนนี้ เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป"
คุณนุ๊ก กล่าวว่า ร้านของตนได้ปิดร้านไปเมื่อช่วงโควิด-19 และเพิ่งกลับมารีโนเวทเปิดร้านเมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนคาดว่าทางร้านดังคงเห็นภาพถ้วยไอศกรีมของร้านตนจากตามเพจต่าง ๆ ที่ได้มีการรีวิวร้านตนไป เพราะร้านตั้งใจชงเป็นที่รู้จักในหาดใหญ่อยู่แล้ว
สำหรับถ้วยไอศกรีมที่ร้านดังจดสิทธิบัตรนั้น ทางร้านยืนยันว่าไม่เหมือนกันเลย โดยของร้านตนจะเป็น 3 หยัก แต่ของร้านดังจะเป็น 4 หยัก และตนไปซื้อถ้วยดังกล่าวมาจากจตุจักรเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ยังถามกับพนักงานในร้านเลยว่าตกลงเราผิดเหรอ เราไปเลียนแบบเขาจริงเหรอ และตนก็ได้โต้แย้งไปแล้วว่าหากจะจับจริง ๆ คงต้องไปจับคนผลิตถ้วย ไม่ใช่มาฟ้องร้านเล็ก ๆ แบบนี้ อีกทั้งหากว่าจะจดลิขสิทธิ์จริง ๆ ควรจะมีเอกลักษณ์ที่ยากต่อการเลียนแบบกว่านี้
คุณนุ๊ก กล่าวอีกว่าหลังได้รับหนังสือโนติส ตนก็มองว่าร้านของตนเป็นร้านค้าเล็ก ๆ การเสีย 2 ล้านบาทไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ และได้มีการพูดคุยกับทนายร้านดัง แล้วไม่อยากมีปัญหา จึงทำการเปลี่ยนถ้วย 3-4 วันหลังจากนั้น รวมถึงลบภาพทุกอย่างที่เห็นภาพถ้วยออก แต่ส่วนที่มีการรีวิวตามเพจต่าง ๆ ตนก็ไม่สามารถไปบอกให้เขาลบได้
คุณนุ๊ก กล่าวว่า สำหรับเมนูที่ร้านตนที่เป็นเมนูปังเย็นราดชาไทยนั้นมีมานานแล้ว ตั้งแต่ร้านเปิดเมื่อปี 2016 โดยใช้ชื่อเมนูว่า "ปังหนาว" หรือ "ปังเย็นชาไทย"
ด้านคุณบิ๊ก ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องกายไทยโบราณ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการนำภาพหญิงใส่ชุดไทย ไปใส่โลโก้ร้านดัง พร้อมระบุข้อความว่า "ก่อนจะไปไล่ฟ้องลิขสิทธิ์คนอื่น หันมาดูรูปโลโก้ สินค้าร้านตัวเองก่อนมั้ย ภาพวาดลายเส้นหญิงชุดไทยนั่งพับเพียบ เกล้าผมมวยพันอก ทัดดอกไม้ ใส่สร้อยคอ ยื่นมือขวาเหยียดยาว นั้นน่ะ คิดเองเหรอ หรือเอาแบบจากที่ไหน มาวาด? ภาพนี้ จาก ปฏิทินสุราชื่อดัง 2550 ผลงานออกแบบชุดไทย และ การจัดวางลีลาท่าทาง โดยผมเอง" พร้อมติดแฮชแทก โหนกระแส
คุณบิ๊ก ผู้ออกเครื่องแต่งกายและท่าทางของนางแบบ ภาพภาพนี้บนปฏิทินสุรายี่ห้อดัง กล่าวถึงสาเหตุที่โพสต์ เนื่องจากเห็นกระแสข่าว เรื่องร้านปังชาเจ้าดังเรียกเก็บลิขสิทธิ์ชื่อและโลโก้จากร้านปังชาเจ้าอื่นๆ และตนเองเห็นว่าเป็นรูปวาดลายเส้นหญิง ชุดไทย จึงทำให้นึกถึงผลงานของตนเองที่เป็นภาพถ่ายในปฏิทินของสุราชื่อดังเมื่อปี 2550 ตนเองจึงรีบไปค้นดูผลงานเก่าที่เคยทำไว้ ซึ่งก็เป็นภาพๆนี้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงมาก จึงโพสต์เพื่อตั้งคำถามและให้สังคมช่วยตัดสิน ว่ามีความคล้าย หรือเหมือนหรือไม่
คุณบิ๊ก บอกว่า ภาพนี้ เป็นภาพของปฏิทินปี 2550 ที่ตนเองเป็นผู้ออกแบบ ทั้งเครื่องแต่งกายชุดไทย ทรงผม เครื่องประดับและลีลา ท่าทางของนางแบบ ว่าจะต้องวางมือแบบไหน รวมถึงการจัดวางพร๊อพด้านหลัง ตนเองยอมรับว่า พอเห็นภาพโลโก้ข้างขวดชาและผลิตภัณฑ์อื่นๆของร้านปังชาเจ้าดัง มีความคล้ายมาก
แม้กระทั่งแจกันปักดอกรักที่เป็นก้าน ๆ ด้านหลังนางแบบและกระบุงใส่ข้าว ตลอดจนท่าโปรยข้าวเปลือก ซึ่งจะเห็นว่าอุปกรณ์ประกอบภาพ ก็ตรงกันเกือบหมด เว้นแต่สร้อยคอไม่เหมือน สีเสื้อผ้าไม่เหมือน แต่ทรงผม mood and tone และองศา มันก็ทำให้ชวนคิดได้ว่ามาจากต้นฉบับอันเดียวกันหรือไม่
ด้านคุณแก้ม เจ้าของร้านปังชา(ลูกไก่ทอง) เปิดใจในรายการเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ วานนี้ ว่าขออนุญาตกราบขอโทษ ตอนนี้เศร้ามากที่ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนของทางร้าน จนทำให้เกิดกระแสรุนแรงกับทางร้านและลูกค้า โดยยังอยากขอโทษเจ้าของร้านปังชา ที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดสงขลา หากมีโอกาสพยายามติดต่อไป โดยอยากไปขอโทษด้วยตัวเอง รวมทั้งอยากขอโทษประชาชนด้วยที่ทางร้านสื่อสารคลาดเคลื่อน
คุณแก้ม กล่าวว่า เรื่องราวเกิดจากเพจของร้าน โพสต์ภาพลิขสิทธิ์ของร้าน แต่ใส่ข้อความไม่ชัดเจน ก่อนถูกแชร์ออกไป ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ด้วยที่ร้านใส่ข้อมูลไม่ครบด้วย
พี่หนุ่มถามว่า คุณใจดำหรือเปล่า ที่ไปไล่ฟ้องชาวบ้าน 102 ล้าน คุณแก้ม กล่าวว่า ทั้งหมดที่ออกโนติสไป เราไม่ได้ฟ้องและไม่มีเจตนาฟ้องใคร รวมทั้งฟ้องไม่ได้ แต่โนติสเป็นการให้เครื่องหมายการค้า โดยดูแบบอย่างการให้ความสำคัญกับเครื่องหมายการค้าจากต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาของคนไทยจะถูกต่างชาติไปจดเครื่องหมายการค้าแล้วหลายครั้ง
หนุ่ม กรรชัย ถามว่าที่ยื่นโนติสไป 102 ล้าน โดยเรียกเงินจากคนไทยด้วยกัน คุณแก้ม กล่าวว่า เป็นความผิดพลาดของร้าน โดยได้คุยกับฝ่ายกฎหมาย พบเป็นการเข้าใจผิด โดยใส่ตัวเลขไป 102 ล้าน ไม่ได้มีเจตนาจะฟ้องหรือรับเงินตรงนี้
พี่หนุ่มถามอีกว่า ปังชายังใช้ได้หรือไม่ คุณแก้ม กล่าวว่า ใช้ได้ ทุกคนใช้ได้ เราไม่ได้จดและจองเป็นของตัวเอง จะไม่มีการไปยื่นโนติสอีก
ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ก็ได้ออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้ว่า กรณีน้ำแข็งไสราดชาไทย มีขายมานานแล้ว จึงไม่มีใครสามารถจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร แล้วเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในเมนูนี้ได้ แต่ภาชนะที่ใช้ใส่ปังชาของแบรนด์ที่เป็นข่าว มีการจดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์เอาไว้ ดังนั้นร้านค้าใด ที่ขายเมนูน้ำแข็งไสราดชาไทย ยังทำต่อได้ แต่อย่านำลวดลายหรือแบบภาชนะที่จดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ไว้ไปผลิต รวมถึงการใช้คำว่า "ปังชา" ไม่ควรใช้รูปแบบฟอนต์ ที่ชวนให้นึกถึงแบรนด์นั้นๆ
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ คนทั่วไป ยังสามารถขายปังชาหรือน้ำแข็งไส ราดชาไทยได้ แต่ห้ามใช้ลวดลายหรือรูปแบบภาชนะที่ร้านอาหารนั้น (Lukkaithong – ลูกไก่ทอง Thai Royal Restaurant) จดสิทธิบัตร การออกแบบผลิตภัณฑ์ไว้เท่านั้นเอง
ล่าสุด ร้านไก่ทอง ออริจินอล ได้ทำหนังสือชี้แจงระบุว่า เนื่องจากทางร้านได้รับทราบถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจประเภทเดียวกัน เรารู้สึกเห็นใจและเข้าใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก ร้านของเราก็เป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน จากชื่อร้านที่มีความคล้ายคลึงกัน ทำให้หลายท่านเกิดความสับสนและเข้าใจผิด
จึงขอชี้แจงให้ทราบว่า ร้าน "ไก่ทอง ออริจินัล" และร้าน "ลูกไก่ทอง" ไม่ใช่ร้านเดียวกัน ไม่มีความเกี่ยวข้องในการตัดสินใจและการดำเนินการใดๆ ทั้งทางธุรกิจ และการบริหารทั้งสิ้น
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ocNoZdw4myc
แท็กที่เกี่ยวข้อง ดรามาปังชา ,ลูกไก่ทอง ,จดสิทธิบัตร ,ถ้วยปังชา ,จดทะเบียนปังชา