เจ้าของร้านหาดใหญ่ เบาใจดรามา ‘ปังชา’ ยังรอดูท่าที ไม่ฟ้องกลับ

คืบหน้าดรามาละเมิดเครื่องหมายการค้า “ปังชา” เจ้าของร้านที่หาดใหญ่ ยังรอดูท่าที และยังไม่ได้ฟ้องกลับ หลังชัดเจนว่า คำว่า “ปังชา” ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ใครก็สามารถได้ เผยขอบคุณลูกค้าและประชาชนทุกคนที่ให้กำลังใจ และเข้ามาอุดหนุนที่ร้านกันมากขึ้นกว่าเดิม

ความคืบหน้าเรื่องการละเมิดเครื่องหมายการค้า “ปังชา” หลังพบโนติสจากบริษัทเจ้าของแบรนด์ดังที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าส่งถึงเจ้าของร้านชา 2 เจ้า ใน จ.เชียงราย และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อขอให้ยุติการละเมิดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า พร้อมกับเรียกค่าเสียหายเป็นเงินมหาศาล รวมทั้งคิดค่าล่าช้าเป็นรายวัน จนกลายเป็นกระแสทัวร์ลงทั้งในโลกออนไลน์ และเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศนั้น

ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 31 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังร้านชาและนมสดชื่อ “ทางช้างเผือก” ภายใน ซ.4 ถ.ศุภสารรังสรรค์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา อีกครั้ง หลังตกเป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับโนติสเรียกค่าเสียหายจากการติดสติ๊กเกอร์ป้ายไฟหน้าร้านคำว่า “ปังชา” เป็นเงิน 7 แสนบาท หากล่าช้าปรับวันละ 1 หมื่นบาท

โดยจากการพูดคุยกับทางเจ้าของร้านคือ น.ส.ปัณณ์ปรุฬห์ กาญจนโสรัตน์ อายุ 30 ปี บอกว่า จากการติดตามช่องทางสื่อต่างๆในวันนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า การใช้คำว่า “ปังชา” ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ นั้น ไม่ได้เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเครื่องหมายการค้าแต่อย่างใด ซึ่งทั้งทางอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งทนายความ และนักกฎหมาย ต่างก็ตีความออกมาในทิศทางเดียวกัน

โดยในส่วนของทางร้านนั้น แม้จะได้รับผลกระทบจากการถูกส่งโนติสเรียกค่าเสียหายเกือบล้านบาท ทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดร้านได้ราว 1 เดือน เท่านั้น โดยตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทางบริษัทหรือทางทนายที่ส่งโนติสมาโดยตรง รวมทั้งทางคดีก็ยังไม่ได้มีการฟ้องร้องกลับ ซึ่งต้องรอปรึกษาทางนักกฎหมาย รวมทั้งร้านชาที่ จ.เชียงราย ที่โดนเรียกค่าเสียหายในลักษณะเดียวกันด้วยว่า เรื่องนี้สุดท้ายจะลงเอยกันอย่างไร

เจ้าของร้านเผยด้วยว่า หลังเป็นข่าวได้มีทั้งลูกค้าและคนทั่วไปที่เป็นห่วงโทรมาสอบถาม และแสดงความห่วงใย ให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก และบางคนก็บอกให้ฟ้องกลับ ซึ่งมีทั้งโทรมาหา หรือช่องทางโซเชียลต่างๆ ของร้าน และหน้าเพจ ซึ่งบางรายเป็นคนจากกรุงเทพฯ ปราจีนบุรี หรือ โคราช ก็มี โดยขอขอบคุณทุกกำลังใจ รวมทั้งลูกค้าในพื้นที่เองทั้งขาประจำและขาจรก็แวะเวียนเข้ามามากขึ้น ซึ่งมีการมาพูดคุยให้กำลังใจ และช่วยอุดหนุนที่ร้าน ซึ่งขอบคุณทุกคนมากๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันนี้บางสื่อได้มีโอกาสสัมภาษณ์หญิงสาวเจ้าของแบรนด์ “ปังชา” และในตอนหนึ่งเจ้าตัวบอกว่า อยากจะพบเจ้าของร้านทั้ง 2 จังหวัด ที่ส่งโนติสไป เพื่อกล่าวคำขอโทษ และแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง ซึ่งต้องรอดูอีกครั้งว่า จะเดินทางมาจริง หรือจะตกลงนัดหมายกันอย่างไรต่อไป