แฉ ‘พระชาตรี’ เปิดศึกวันอาสาฬหบูชา ข่มขู่พระให้มาเป็นพวก จนหนีตายวุ่น เจ้าตัวโต้เป็นฝ่ายถูกรุม

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา แฉช่วงที่พระชาตรี มาเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา เกิดเหตุสงครามกลางวัด ถึงขั้นปิดวัดเปิดศึกวันอาสาฬหบูชา ขณะที่พระชาตรีโต้เป็นฝ่ายถูกรุมกระทืบ และมีการแจ้งความไว้ด้วย

จากกรณี แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ระบุข้อความเกี่ยวกับพฤติกรรมพระชาตรี มีประวัติสั่งให้ต่อยตีพระรูปอื่นจนเลือดตกยางออก และมียักย้ายเปลี่ยนถ่ายเงินในบัญชี จนเงินหายไปกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา และมีเอกสารที่สำนักงานเจ้าคณะตำบลบางเขน ในการตรวจสอบเรื่องนี้

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบ พระอาจารย์ธวัชชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา เปิดเผยว่า เมื่อครั้งที่พระชาตรี เคยมาเป็นพระอาคันตุกะ จำวัดที่วัดพุทธปัญญา เวลาหนีหนาวมาจากรัสเซียก่อนปี 2558 เนื่องจากพระชาตรี เป็นชาว จ.พัทลุง ส่วนอดีตเจ้าอาวาส เป็นคน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นคนใต้ด้วยกัน

ต่อมา อดีตเจ้าอาวาสอาพาธ อยู่ๆ พระชาตรี ก็ขึ้นมาเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา โดยพระอาจารย์ธวัชชัย ใช้คำว่า ลอยมาในนภากาศ มาเป็นรักษาการเจ้าอาวาส โดยที่ไม่ได้ผ่านการพิจารณาของเจ้าคณะตำบล

ช่วงเวลานั้น พระชาตรี เริ่มดึงพระนอกวัด และฆราวาสจากข้างนอกมาเป็นพวก เวลาไปไหนจะมีบอดี้การ์ดเป็นชายฉกรรจ์ 5-6 คน คอยดูแล เดินนำหน้า 2 ประกบข้าง 2 และ เดินตามอีก 2 คน

ด้วยนิสัยของพระชาตรีที่ค่อนข้างเผด็จการ ทำให้เกิดการแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายอดีตเจ้าอาวาสที่อาพาธ และฝ่ายพระชาตรี ซึ่งพร้อมที่จะปะทะกันทุกเมื่อ เหมือนสงครามกลางเมือง เพราะมีเรื่องทะเลาะกันขึ้นโรงพักบ่อยครั้ง จึงต้องแยกกันทำวัตรเช้า

กระทั่งวันอาสาฬหบูชา ปี 2558 ที่วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันเข้าพรรษา ฝ่ายพระชาตรี ได้เรียกประชุมช่วงหัวค่ำ ก่อนที่มีการปิดวัด และเรียกพระลูกวัดมาคุย ให้พระที่อยู่อีกฝ่ายเข้าเป็นพวก โดยบอกว่า พระชาตรีข่มขู่พระลูกวัดว่า ใครไม่เข้าเป็นพวก จะโดนทำร้ายร่างกาย พร้อมกับนำทั้งมีด กระบอง และปืนมาข่มขู่ เลยทำให้พระหนุ่มๆ ที่ยังมีเรี่ยวแรง วิ่งหนีกันออกมา ไปด้านหลังวัด และปีนกระโดดข้ามกำแพงหลังวัดหนีออกไป แต่มีพระที่ชราภาพ 1 รูปหนีไม่ทัน จึงถูกกลุ่มพระชาตรีกระทืบ ก่อนวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากพระอาจารย์ธวัชชัย ที่กุฏิไม้

แต่ปรากฎว่า กลุ่มพระชาตรีวิ่งตามเข้ามา เห็นพระอาจารย์ธวัชชัยถือมือถือ จึงพยามมายื้อแย่ง ก่อนตบมือถือออกจากมือ จังหวะที่กำลังก้มไปเก็บมือถือ ก็ถูกพระ 2 รูปที่เป็นพวกของพระชาตรีกระทืบจนศีรษะแตก และมีพระรูปหนึ่งบาดเจ็บกรามหัก

จากนั้นก็มีญาติโยมและเจ้าคณะตำบลบางเขน มารอหน้าประตูวัด แต่พระชาตรีสั่งห้าม พร้อมระบุ หากเข้ามาจะถือว่าบุกรุกสถานที่ในยามวิกาล

พระอาจารย์ธวัชชัย ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ และยอมออกจากวัด เพื่อไปจำวัดที่วัดอื่น จนกระทั่งคดีไปสิ้นสุดบนชั้นศาลเมื่อ พ.ศ.2559 โดยพระ 2 รูปที่ทำร้ายพระอาจารย์ธวัชชัย พอไปตรวจสอบประวัติพบว่าหนีคดีมาบวชเป็นพระ จึงถูกจับสึก ซึ่ง 2 คน รับสารภาพว่าได้รับคำสั่งมาจากพระชาตรี ซึ่งพระอาจารย์ธวัชชัย บอกว่าให้อภัยกับคู่กรณีแล้ว

ต่อมาพระชาตรี ให้สัมภาษณ์กับเดลินิวส์ออนไลน์ กล่าวว่า เรื่องราวเกี่ยวกับเปิดศึกกลางวัด ด้วยการให้พระลูกวัดไปกระทืบอีกฝ่าย ไม่เป็นความจริง ข้อเท็จจริง อาตมาเป็นคนถูกรุมทำร้าย ซึ่งตอนเกิดเหตุยังไปแจ้งความไว้ที่โรงพัก สามารถไปตรวจสอบได้

ส่วนข้อกล่าวหา ที่ถูกตั้งคำถามที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เช่น ภาพโชว์หน้าอก ขอชี้แจงว่า เป็นภาพขณะออกกำลังกาย เพราะชอบออกกำลังกายเป็นประจำ และขณะที่ออกกำลังกาย ก็มีพระที่อยู่ไทยวิดีโอคอลมาหาแล้วได้มีการบันทึกรูปเก็บไว้

กรณีการหลอกให้ทุนนักเรียนไทย ก็ไม่ใช่เรื่องจริง มีแต่กรณีที่นักเรียนไทยได้ทุนแล้วเรียนต่อไม่ไหว ถูกมหาวิทยาลัยที่รัสเซียรีไทร์ ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกันกับอาตมา หากใครมีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็นำมาแสดงได้เลย