สังคม
‘พระชาตรี’ ขอนัดเคลียร์ใจ สงบศึก ‘แพรรี่’ ยันไม่คิดเหยียดเพศ โต้ยักยอกเงินวัด
โดย chutikan_o
27 ก.ย. 2565
90 views
พระชาตรีส่งสารผ่านรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ขอเจรจาสงบศึกกับแพรรี่ พร้อมขอนัดวันเคลียร์ใจ ยืนยันไม่ได้ยักยอกเงินวัดพุทธปัญญา 4 ล้าน 3 แสน สมัยเป็นรักษาการเจ้าอาวาสตามที่ถูกกล่าวหา
นายปัญญา จารุมาศ ทนายความของวัดพุทธปัญญา เปิดเผยความคืบหน้า เกี่ยวกับคดีการยักยอกเงินจากบัญชีของวัดพุทธปัญญาเมื่อปี 2558 หลังจากไปคัดสำนวนที่ศาลจังหวัดนนทบุรีว่า ขณะนี้คดีดังกล่าว ยังอยู่ในการพิจารณาของศาลอยู่
ก่อนหน้านี้มีการเรียกเบิกความจำเลยทั้ง 4 ได้แก่ พระชาตรี ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสขณะนั้น ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 พระลูกวัด จำเลยที่ 3 กรรมการวัด และจำเลยที่ 4 หญิงที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเหรัญญิกในระหว่างที่พระชาตรีเป็นรักษาการเจ้าอาวาส
พระชาตรีเองได้เบิกความต่อศาลว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงิน เป็นเพียงผู้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 4 เบิกเงินเท่านั้น ซึ่งเป็นการอนุมัติให้ถอนเงิน เพื่อจ่าย ค่าน้ำค่าไฟ บำรุงกิจการของวัด โดยพบการเบิกบัญชีของวัดในระยะเวลา 1 เดือนกว่าๆ รวม 4 ล้าน 3 แสนบาท ซึ่งเบิกครั้งละประมาณ 2-3 แสนบาท และมีจำเลยที่ 4 เป็นผู้เซ็นรับเงินเพียงคนเดียว และเป็นบุคคลที่ไม่ยอมมาเบิกความ จนถูกออกหมายจับ ในปี 2560
พระชาตรี ยังได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 4 ต่อศาลแขวงนนทบุรี พร้อมเขียนจดหมายแถลงต่อศาลให้จำเลยที่ 4 นำเงินมาคืนด้วย
เจ้าหน้าที่ พบข้อมูลว่า เหรัญญิกหญิงคนดังกล่าว เดินทางออกนอกประเทศ ตั้งแต่ปี 2558 แล้ว และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังไม่พบความเชื่อมโยงไปถึงพระชาตรี
แต่ก็อยากติดตามเหรัญญิกหญิงคนนี้กลับมาดำเนินคดี เพราะจะได้รู้เส้นทางการเงินว่าการเบิกจ่ายทั้งหมด เกิดขึ้นไปทางไหนบ้าง และยืนยันมีโอกาสได้เงิน 4 ล้าน 3 แสนคืนกลับมา เพราะคดีนี้มีอายุ ความ 20 ปี
ขณะที่ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ คุณนฤชา กมุทโยธิน ได้ติดต่อพูดคุยกับพระชาตรี เหมพันโธ โดยประเด็นแรก คือปมยักยอกเงินวัด 4 ล้าน 3 แสนบาท พระชาตรีบอกว่า ตอนที่พระผู้ใหญ่ขอให้ตัวเองไปเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา ประมาณเดือนกว่า ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องการเงินภายในวัดอยู่แล้ว แล้วตัวเองไม่เคยทราบเงินในบัญชีวัดมีจำนวนเท่าไหร่
ผู้ถือสมุดบัญชีและเบิกถอนเงิน คือ ไวยาวัจกรวัด และเหรัญญิก พระชาตรีบอกว่า ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าศาลสั่งยกฟ้องหรือมีใครถอนฟ้อง แต่ที่แน่ๆ คือ ศาลตัดสินว่าตัวเองไม่มีความผิด ที่ผ่านมาก็ยังเดินทางเข้าออกประเทศได้ตามปกติตรวจสอบประวัติอาชญากรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็รับรองว่า ไม่มีคดีความ
สำหรับปมดรามาที่ลากยาวมากกว่าสัปดาห์ จุดเริ่มต้น คือ พระชาตรีใช้คำพูดถึงแพรี่ หรือ อดีตพระมหาไพรวัลย์ ไม่เหมาะสม เรียก อี พระชาตรี จึงขอฝากส่งสารสงบศึก ผ่านเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เรื่องนี้ตัวเองรู้สึกผิดและขอโทษจริงๆ จากใจ ขอยอมรับผิดด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย อยากนัดวันเคลียร์ใจกับแพรรี่
ส่วนดรามาถูกขยายไปเป็นวิวาทะระหว่างทนายความ พระชาตรีบอกว่าส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับทนายธรรมราช ซึ่งก่อนที่ทนายจะไปออกรายการโหนกระแสได้พยายามติดต่อมาหาตัวเอง และตัวเองก็เตือนและห้ามแล้วว่า อย่าไปเคลื่อนไหวอะไร และพระชาตรี ก็ยอมรับผิดที่ไปกล่าวหาแพรรี่
พร้อมทั้งฝากดรามาเรื่องเหยียดเพศว่า ตัวเองไม่เคยคิดเหยียดเพศ จะเพศไหนก็นับถือศาสนาพุทธได้ ลูกศิษย์ตัวเองที่ก็มีหลากหลายทางเพศเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ พระชาตรีเคยโพสต์เฟซบุ๊กขอโทษแพรรี่มาก่อน โดยระบุข้อความว่า คนเราเมื่อผิดต้องกล้ารับผิด พี่หลวงต้องขอโทษน้องแพรรี่ ที่ก้าวล่วงเห็นด้วย กับความเห็นและทัศนคติของน้องทุกประการ จงอโหสิกรรม
ขณะที่ทีมข่าวสอบถาม นายสมบัติ พิมพ์สอน ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ซึ่งนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติสั่งสรุปข้อมูลยักยอกเงินวัดพุทธปัญญา ให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับสำนักพุทธฯจังหวัดนนทบุรี ซึ่งลงพื้นที่ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา และรับปากว่า จะเร่งสรุปข้อมูลนำส่งให้ภายในวันนี้ ซึ่งจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงทางคดีเพิ่มเติม เพื่อเอาเงินของวัดคืน