สังคม
“หลวงพี่ย้อย” ขอยุติการให้ข้อมูลข่าว หลัง “พระกาโตะ” ยอมสึกแล้ว
โดย pattraporn_a
1 พ.ค. 2565
230 views
เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ยืนยันเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีอดีตพระกาโตะถูกแฉคลิปเสียง และแชท มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกาในรถ แม้จะชิงลาสิกขาไปแล้ว
หลังถูกกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก ทำให้เมื่อช่วง 3 ทุ่มที่ผ่านมา พระพงศกร จันทร์แก้ว หรือ หลวงพี่กาโตะ เดินทางไปยังวัดแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เข้ากราบนมัสการเจ้าคณะภาค 16 , เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช และเจ้าคณะอำเภอฉวาง เพื่อแสดงเจตนาในการลาสิกขา โดยมีการทำบันทึกถ้อยคำว่า แสดงเจตนาลาสิกขาเอง ไม่ได้มีการบีบบังคับ
จากนั้นเจ้าคณะอำเภอฉวาง พระอุปัชฌาย์ ได้กล่าวให้โอวาท พร้อมทั้งระบุ การลาสิกขาของพระกาโตะ เพื่อรักษาหมู่คณะสงฆ์ศ ทางออกนี้เป็นทางที่สง่าผ่าเผยที่สุด ขณะที่พระกาโตะ บอกว่า ตัวเองเป็นเพียงพระนวกะที่ยังอ่อนหัดในพระธรรมวินัยอย่างมาก เพื่อลบอุปสรรคนี่จึงตัดสินใจลาสิกขา หลังเสร็จสิ้นพิธีได้รับน้ำมนต์จากพระอุปัชฌาย์ แล้วเดินทางกลับไงภูมิลำเนาใน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ทันที
หลังพระกาโตะสึก ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงที่เจ้าคณะจังหวัด ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น จะเป็นอันยุติด้วยหรือไม่ โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปที่พระครูสิริธรรมาภิรัต เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ยืนยันว่า การตรวจสอบยังคงเดินหน้าต่อไป ทั้งเรื่องพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหา คลิปเสียง และเส้นทางการโอนเงิน จากนั้นจะมีหนังสือประกาศผลการสอบสวนออกมา หากพบว่าทำผิดตามที่กล่าวหาจริง มีการเสพเมถุน ต้องอาบัติปาราชิก ก็จะไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้อดีตพระกาโตะ เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คลิปเสียงการพูดคุยกับสีกา ต.เต่า ที่ถูกนำออกมาแฉนั้น ถูกกลั่นแกล้ง มีคนนำมาตัดต่อจนเหมือนจริง เรื่องนี้ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารยอ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า เช็กเบื้องต้นแล้วลักษณะสเปคตรัมของเส้นเสียงไม่มีการตัดต่อ เส้นเสียงสม่ำเสมอ คล้ายลักษณะการพูดของอดีตพระกาโตะ ทั้งนี้จะส่งให้ภาควิชาฟิสิกส์วิเคราะห์เชิงละเอียดต่อไป
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวไปเจอคลิปอดีตพระกาโตะ สอนธรรมะสีกา ต.เต่า เรื่องความทุกข์ ให้มองปัญหาหรือความทุกข์ให้เป็นเหมือนเม็ดทราย ถึงแม้จะมีมากมาย แต่มันก็เล็กนิดเดียว
ด้าน หลวงพี่ย้อย ซึ่งเป็นพระออกมาให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว จนเกือบถูกขับออกจากวัด ออกมาเปิดใจ โดยยืนยันว่า ที่นำข้อมูลให้สื่อตั้งแต่แรกนั้น เพื่อต้องการให้สอบสวนข้อเท็จจริง หากทำผิดปาราชิกจริง ก็ขอให้สึกจากความเป็นพระ เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา หากผลการสอบสวนพบว่า ไม่ผิด ก็จะได้เป็นผู้บริสุทธิ์ทำหน้าที่เผยแผ่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาต่อไป
อาตมาบริสุทธิ์ใจไม่มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งทำร้าย หรือหวังให้เกิดความขัดแย้งกับผู้หนึ่งผู้ใดทั้งสิ้น ในเมื่อพระนักเทศน์ที่ต้องสงสัยได้สึกจากพระไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องทั้งหมดในทางพระธรรมวินัยถือว่าจบสิ้น อาตมาขอยุติการติดตาม และการให้ข้อมูลในกรณีนี้แต่เพียงเท่านี้