ครอบครัวใจสลาย แม่หายตัวไปกับชายปริศนา พร้อมสมุดเงินฝาก 3 ล้าน หวั่นถูกล่อลวงรีดทรัพย์

พ่อ-ลูกใจสลาย หวั่นแม่ถูกล่อลวงรีดทรัพย์ หลังหายตัวไปกับชายปริศนา พร้อมสมุดเงินฝาก 3 ล้าน ทิ้งจดหมายสั่งเสีย ต้องการออกไปหางานทำ



นายนพรัตน์ ศรีสระน้อย อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา อาชีพรับราชการทหารบก เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังมารดาอายุ 55 ปี ที่เพิ่งเกษียณอายุจากบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง หายออกจากบ้านพักไป พร้อมสมุดเงินฝากจำนวนจำนวนเงินกว่าสามล้านบาท และทิ้งจดหมายลาไว้โดยให้เหตุผลว่าต้องการออกไปหางานทำ



โดยนายนพรัตน์ ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนั้นที่บ้านมีการเดินทางไปที่โรงพยาบาลโดยหลานสาว ซึ่งแม่ของตนเองนั้นขอติดรถหลานสาวไปด้วยอ้างว่าจะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลปักธงชัย แต่เมื่อแม่ลงรถก็หายไปจนไม่สามารถติดต่อได้ ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 1 มีนาคม ทางครอบครัวจึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามหามารดาที่สูญหาย ที่สถานีตำรวจภูธรปักธงชัย จนนำไปสู่การไล่กล้องวงจรปิดและพบว่าเมื่อแม่ของตนเองลงจากรถของหลานที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลปักธงชัย แม่ก็เดินขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่งที่จอดรออยู่หายออกไปพร้อมข้าวของ ก่อนที่จะมีการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปและพบว่า มารดาของตนเองมีการไปโผล่ที่สถานีขนส่งภายในตัวจังหวัด และมีการขึ้นรถทัวร์โดยสาร ซึ่งปลายทางคือจังหวัดกรุงเทพ



เมื่อตนเองตรวจสอบดูจึงพบว่า ที่นั่งที่แม่ของตนเองนั่งไป มีการซื้อตั๋วไว้จำนวน 2 ที่นั่ง และพบกับเบอร์โทรศัพท์ที่มีการติดต่อมาทำการสั่งจองตั๋ว เมื่อให้ทางตำรวจช่วยตรวจสอบจึงพบว่า เป็นเบอร์ที่ตรงกับบุคคลที่มีพฤติกรรมในการหลอกลวงคนไปรีดทรัพย์ ประกอบกับกล้องวงจรปิดภายในภายในตัวขนส่งก็สามารถบันทึกภาพบุคคลต้องสงสัยรายนี้เอาไว้ได้เช่นกัน ซึ่งมีลักษณะ รูปพรรณคล้ายกับบุคคลที่มีพฤติกรรมล่อลวงรายนี้ ตนเองจึงเกิดความวิตกกังวลว่าการหายตัวไปของมารดาในครั้งนี้จะเป็นการถูกหลอกลวงโดยชายผู้นี้ และจนขนาดนี้ยังไม่สามารถติดต่อมารดาได้เป็นเวลากว่า 9 วัน ทางพ่อของตนเองอยู่ในอาการซึมเศร้าเป็นอย่างมาก ตัวเองจึงอยากขอให้ใครที่พบเห็นช่วยแจ้งเบาะแสมาที่ตนเอง



นายนพรัตน์ยังระบุอีกว่า ตนเองยังได้รับรูปถ่ายที่เป็นลักษณะจดหมายเขียนด้วยลายมือ ซึ่งตรงกับของแม่ตนเองใจความของจดหมายคือการสั่งเสียให้ ดูแลครอบครัวให้ดีฝากน้อง และฝากพ่อให้ช่วยดูแล ตัวแม่ไม่มีอะไรจะให้อีกเพราะให้ไปหมดแล้วและต้องการจะออกไปหางานทำ



ที่ผ่านมาตัวมารดาตนเองชอบบ่นว่าหลังจากที่เกษียณมาไม่ค่อยมีความสุข เพราะอยากออกไปหางานทำ เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาของมารดาตนเองนั้นเป็นคนทำงานมาโดยตลอด แต่โดยสภาพของครอบครัวไม่ได้มีปัญหาหนี้สินหรือปัญหาทางการเงิน ครอบครัวรักกันดี ไม่ได้มีปัญหาทะเลาะผิดใจกันแต่อย่างใด จึงไม่เข้าใจสาเหตุของการหายตัวไปของมารดาในครั้งนี้ และเชื่อว่าเป็นการถูกหลอกลวงจากชายคนนี้ เพราะสมุดเงินฝากจำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาทที่เป็นเงินเก็บของพ่อและแม่ ตัวแม่ก็ได้มีการนำติดตัวออกไปด้วย เพราะตลอดระยะเวลาที่พ่อและแม่ทำงานจะมีการเก็บเงินรวมไว้ในบัญชีเดียว เพื่อให้แม่เป็นคนบริหารจัดการเงินทั้งหมด



ตนเองจึงอยากขอฝากผ่านสื่อว่าหากมารดาเห็นข่าวนี้อยากให้ติดต่อกลับหาครอบครัวเพราะเบอร์โทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้เลยทางครอบครัวเป็นห่วงเป็นอย่างมาก และไม่อยากให้มารดาต้องทำงานอีกเพราะตอนนี้ลูกหลานสามารถเลี้ยงดูได้เป็นอย่างดีอยากให้พักผ่อน และคอยเลี้ยงหลานเท่านั้น



ด้านนายเอกภพ ระบุว่าในเบื้องต้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตามหาตัวมารดาของคุณนพรัตน์ ได้เร็วที่สุด เพราะเมื่อไม่สามารถติดต่อได้ทั้งลูกและสามีต้องอยู่ในความกังวลเป็นอย่างมาก แต่เบื้องต้นทราบว่าทางผู้เสียหายนอกจากจะมีการแจ้งความในพื้นที่เอาไว้แล้วยังมีการแจ้งความไว้ที่ทางกองปราบปรามด้วย ตนเองจะขอประสานสอบถามความคืบหน้าทางคดีไปยังทางกองปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยเช็คสัญญาณโทรศัพท์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับเหตุการณ์นี้เพื่ออาจจะเป็น ช่องทางในการติดต่อตัวมารดาของผู้เสียหายได้ เพราะเบื้องต้นเท่าที่ได้พูดคุยกับทางผู้เสียหายทำให้ทราบว่าในส่วนของตำรวจในพื้นที่มีการบอกกับทางผู้เสียหายว่า อยากให้ไปดำเนินการขอความช่วยเหลือกับทางกองปราบปรามเพราะพื้นที่ไม่มีความสามารถในการติดตามตัวค้นหา



พร้อมกันนี้นายเอกภพ ยังฝากถึงมารดาของผู้เสียหายรายนี้ว่าหากดูข่าวนี้อยู่ อยากขอให้ติดต่อครอบครัวโดยทันที เพราะขณะนี้ลูกชายแม้จะเป็นชายชาติทหารแต่ก็นั่งน้ำตาซึม เพราะความเป็นห่วงในตัวมารดา ประกอบกับสามีก็อยู่ในอาการเศร้าโศกเช่นกัน และอยากขอให้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ไม่ต้องเดินทางไปทำงานอีกแล้ว เราถึงวัยที่ต้องพักผ่อนดูแลเลี้ยงหลานไปเท่านั้น และฝากถึงคนที่มีการชักชวนตัวมารดาของผู้เสียหายรายนี้ไป ขอให้บอกตัวคุณแม่ให้กลับบ้านพักด้วย อย่าไปทำร้ายครอบครัวคนอื่น