สังคม

หนุ่มเมาแล้วขับ ซิ่งกระบะชนชาวบ้านดับ 3 ราย อ้างหนีแก๊งโจ๋ไล่ทำร้าย

โดย nut_p

22 ก.พ. 2567

45 views

หนุ่มอ้างถูกแก๊งวัยรุ่นไล่ทำร้าย ซิ่งกระบะชนช้าวบ้านดับ 3 ราย ชาวบ้านใกล้เคียงเผย ชนรายเรียกแล้ว ไม่หยุดรถ พยายามขับรถยนต์ไปชนรายอื่นอีก เป่าแอลกอฮอลล์พบมีปริมาณเกินเกณฑ์กำหนด



เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ถนนบ้านไทยบวกเตย-บ้านป่าใต้ ตำบลบุสูง อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รองผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์กรณ์ ศรีสุวรรณ ผกก.สภ.วังหิน นายอานนท์ หนุนชู นายอำเภอวังหิน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ควบคุมตัว นายเก็ท หรือ นายปรีชา เข้าทำแผนประกอบคำให้การของผู้ต้องหา



เมื่อเวลา 01.30 น. (วันที่ 22 ก.พ. 67) พนักงานสอบสวน สภ.วังหิน ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายขับขี่รถยนต์ไล่ชนรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ถนนบ้านไทยบวกเตย-บ้านป่าใต้ ตำบลบุสูง อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งผู้ก่อเหตุ คือ นายเก็ท หรือนายปรีชา อายุ 23 ปี ซึ่งขับขี่รถยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บษ 9784 ศรีสะเกษ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ถึง 3 ราย ประกอบด้วย นางบัวสอน วิลัย อายุ 53 ปี ที่อยู่ 47 ม.11 ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ นางวาสนา จันมณี อายุ 48 ปี ที่อยู่ 54 ม.11 ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ และ นางสาวศิริลักษณ์ ศรบุญทอง อายุ 51 ปี ที่อยู่ 35 ม.7 ต.โพนข่า อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ



พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มาดูหมอลำกับน้าชาย อยู่ที่หมู่บ้านข้างเคียงกัน แต่ในขณะที่กำลังจะเดินทางกลับ ปรากฏว่า ถูกกลุ่มวัยรุ่นไม่ทราบว่าเป็นใครเข้ามาทำร้าย ซึ่งตัวผู้ต้องหาอ้างว่า พยายามขับรถเพื่อหลบหนีกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาทำร้าย แต่ปรากฏว่า ได้ขับรถยนต์ไปชนชาวบ้าวในพื้นที่ แต่หลังจากชนชาวบ้าน รายแรกแล้ว นายเก็ท ก็ยังไม่หยุดรถยนต์ และขับชนชาวบ้านต่อไป ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 ราย โดย นางบัวสอน เสียชีวิตที่เกิดเหตุ ส่วนนางวาสนา และ นางสาวศิริลักษณ์ ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล



หลังจากก่อเหตุเสร็จ นายเก็ทได้หลบหนีไปยังพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วย ฝ่ายปกครองช่วยกันไล่ล่า จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งจากการดูการกระทำภาพรวมของผู้ต้องหา ทั้งในลักษณะของการขับรถด้วยความเร็ว เพราะหลังจากชนชาวบ้านรายแรกแล้ว แทนที่จะหยุดรถ แต่กลับพยายามขับรถยนต์ไปชนชาวบ้านคนอื่นอีก แม้จะมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงพยายามห้ามปรามแต่ไม่เป็นผล



พนักงานสอบสวน สภ.วังหิน จึงได้พิจารณาตั้งข้อหาว่า ฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย และพยายามฆ่าผู้อื่น โดยเล็งเห็นผล ซึ่งเจตนา จะมี 2 แบบ คือ เล็งเห็นผล กับประสงค์ต่อผล ซึ่งกรณีเคสนี้ เข้าข่ายไม่ประสงค์ต่อผล เนื่องจากไม่มีสาเหตุความรู้จักมูลเหตุกับผู้ตาย ซึ่งในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหายอมรับในข้อเท็จจริง แต่ปฏิเสธในข้อกฎหมาย โดยอ้างว่าขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนคน ซึ่งจากการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ปรากฏว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ 65 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ส่วนผลจากการตรวจสารเสพติด ปรากฏว่า ผู้ต้องหาไม่มีการใช้สารเสพติดในร่างกาย



ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวนายเก็ท ทำแผนประกอบคำให้การของผู้ต้องหา ปรากฏว่า ได้มีญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต เข้ามารุมด่าทอสาปแช่ง และพยายามจะเข้ามาทำร้ายผู้ต้องหา ด้วยความคับแค้นใจ บางรายถึงขนาดร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจ ที่ต้องเสียคนในครอบครัวไป ขณะที่ นายเก็ท หรือนายปรีชา ผู้ต้องหา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุที่ตนได้ขับรถยนต์ลักษณะนี้เนื่องจากพยายามหลบหนี จากวัยรุ่นที่เข้ามาชกตน ทำให้ต้องรีบขับรถยนต์ออกไป ซึ่งผู้ที่มาทำร้ายตน ก็ไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องกันมาก่อน และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุในการที่ขับรถยนต์ไปชนชาวบ้าน หรืออยากขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายเก็ทกลับแน่นิ่ง และไม่ให้คำตอบในเรื่องนี้แต่อย่างใด



ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 11 ตำบลบุสูง อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของ นางบัวสอน วิไล อายุ 53 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ขณะที่ญาติพี่น้องกำลังช่วยกันเตรียมจัดงานศพ ให้กับนางบัวสอน ซึ่งบรรยากาศภายในบ้านเป็นไปด้วยความโศกเศร้า



โดยนายวันชัย วิไล อายุ 52 ปี สามีของนางบัวสอน ผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและภรรยาได้ไปดูการแสดงหมอลำกันที่ภายในหมู่บ้าน แต่เนื่องจากดึกแล้ว ตนจึงขอกลับก่อน ส่วนภรรยาของตนนั้น ดูหมอลำต่อ ซึ่งในส่วนของตนกับผู้ก่อเหตุนั้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมต้องมาทำแบบนี้กับภรรยาของตน ทำให้ตนเสียใจเป็นอย่างมาก ผู้ก่อเหตุมีจิตใจที่โหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างมาก คนแบบนี้ไม่ควรอยู่ในแผ่นดิน ควรประหารทิ้ง ซึ่งตนอยากให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฏหมายกับผู้ก่อเหตุอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้

คุณอาจสนใจ

Related News