แก๊งโจ๋โพสต์ปืน-ระเบิด ท้าถล่มโรงเรียนอริ ลั่นใส่ชุดนักเรียนผ่านหนองประจักษ์ยิงทิ้งทันที

โจ๋อุดรฯโพสต์ท้าถล่มนักเรียนสถาบันดังคู่อริ สุดเหิมใครใส่ชุดนักเรียนเข้าหนองประจักษ์ยิงทิ้งทันที ตร.เชิญตัวมาทั้งหมด รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียน ผู้ปกครองก็ซวยด้วย เตรียมยกเป็นเคสตัวอย่างสานต่อให้เป็นโครงการเด็กดีอุดรฯในอนาคต

วันนี้ (4 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์โพสต์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 มีกลุ่มวัยรุ่นโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี โพสต์ภาพปืนและข้อความข่มขู่อีกโรงเรียนดังในจ.อุดรธานี โดยโพสต์ปืนข่มขู่หากใครใส่ชุดอยู่บริเวณหนองประจักษ์จังหวัดอุดรธานีจะยิงทันที

ล่าสุดพ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมผู้อำนวยการโรงเรียนอุดรพิทยานุกูลและโรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์ ได้ร่วมกับประชุมหารือพร้อมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่พัฒนาความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี และผู้ปกครองของเด็กและเยาชนกว่า 10 ราย เข้าร่วมรับฟัง ณ ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี


พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเหตุการณ์ได้มอบหมายให้มีการบูรณาการงานป้องกันปราบปรามงานสืบสวนของสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานีและกองกำกับสืบสวนตำรวจภูธรอุดรธานี ร่วมสืบสวน ขยายผลเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อหาบุคคลที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์มาสอบถาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบและสามารถเชิญตัวกลุ่มเด็กที่เกี่ยวข้องพร้อมผู้ปกครองทั้งหมดมาสอบถาม

จากการสอบถามทราบว่าเหตุเกิดจากนักเรียนโรงเรียนแห่งที่ 1 1 นาย ได้ยินจากเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน ว่านักเรียนโรงเรียนแห่งที่ 2 ต้องการมีเรื่องซกต่อยกับตน จึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปเล่าให้เพื่อนกลุ่มเดียวกันฟัง จากนั้นเพื่อนในกลุ่มเกิดความไม่พอใจและได้ส่งข้อความส่วนตัวไปยัง นักเรียนโรงเรียนแห่งที่ 2 คนดังกล่าว


โดยที่ นักเรียนโรงเรียนแห่งที่ 2 นายนั้น ไม่เคยพูดเรื่องการซกต่อยและได้พยายามที่จะจบเรื่องดังกล่าว แต่นักเรียนโรงเรียนแห่งที่ 1 ยังไม่พอใจจึงได้มีการนัดเจอกันในวันเกิดเหตุแต่ไม่ได้พบเจอกัน ทำให้นักเรียนโรงเรียนแห่งที่ 1 โพสต์ท้าทายอีกฝ่ายจนทำให้เกิดความแตกตื่นแก่ประชาชนที่ทราบข่าวสารดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือ พร้อมทั้งบันทึกประวัติของกลุ่มเด็กนักเรียน โดยมีผู้ปกครองและผู้อำนวยการสถานศึกษาทั้งสองแห่งรับทราบด้วยและได้ให้นักเรียนทั้งสองกลุ่มปรับความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยเด็กทั้งสองกลุ่มมีความรู้สึกผิดและสำนึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


อย่างไรก็จากการตรวจสอบข้อเท็จทราบว่า นักเรียนทั้งสองโรงเรียนไม่ได้มีความขัดแย้งในเรื่องสถานศึกษา เป็นเพียงเรื่องความไม่พอใจส่วนตัวจากความเข้าใจผิดของคนในกลุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกเด็กทั้งสองฝ่ายพร้อมผู้ปกครอง ผู้อำนวยการสถานศึกษา ฝ่ายปกครอง เทศบาลท้องถิ่น พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมาร่วมกันหาแนวทางแก้ไข และได้ว่ากล่าวตักเตือน ไม่ทำเยี่ยงนั้นอีก หรือหากมีเรื่องก็มีพรบ.เด็กคุ้มครองอยู่ สำหรับเหตุการณ์นี้หลายหน่วยงานจะยกเป็นเคสตัวอย่างนำเด็กกลุ่มดังกล่าวและกำหนดเป็นโครงการเด็กดีอุดรในอนาคตต่อไป