สังคม

โรงเรียนแจงปมนักเรียน ป.1 ถูกรุ่นพี่ ม.3 รุมทำร้าย เผยเรียกตักเตือนแล้ว ไม่ได้ละเลยตามที่แม่อ้าง

โดย panisa_p

25 ม.ค. 2567

227 views

จากกรณีแม่นักเรียน ป. 1 วัย 7 ขวบมาร้องเรียนกันจอมพลัง เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังจากที่ลูกชายของตน ถูกเพื่อนรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย แต่โรงเรียน ไม่รับผิดชอบใดๆ จนกันจอมพลังพาแม่เด็กไปแจ้งความ


ทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 ได้พูดคุยกับคณะครูประจำโรงเรียนที่เป็นประเด็นในข่าวนี้ โดยผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้ไม่ตรงกับสิ่งที่แม่เด็กให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยประการแรกคือ โรงเรียนแห่งนี้ไม่ใช่โรงเรียนประจำที่มีหอพักและให้นักเรียนมาพักอาศัย แต่เป็นโรงเรียนแบบไปเช้าเย็นกลับตามปกติทั่วไป


ประเด็นที่ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน แต่เกิดขึ้นที่หอพักบริเวณด้านนอกโรงเรียน และหอพักแห่งนั้นอยู่ในความดูแลของมูลนิธิแห่งหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับทางโรงเรียน โดยเป็นเพียงหอพักที่ให้นักเรียนหลาย ๆ คนมาอยู่ร่วมกันและดูแลพักอาศัยก่อนจะแยกย้ายไปตามโรงเรียนต่าง ๆ ในตอนเช้าเท่านั้น


ประเด็นที่ 3 ที่ทางแม่อ้างว่าโรงเรียนไม่รับรู้และไม่รับผิดชอบใด ๆ นั้น ขอชี้แจงว่า ทางโรงเรียนได้รับทราบเรื่องนี้มาก่อนแล้วและได้มีการเรียกนักเรียนที่มีประเด็นกับน้อง 7 ขวบ มาพูดคุยกันแล้ว ซึ่งนักเรียนรุ่นพี่ก็ยอมรับผิดว่ามีการเล่นรุนแรงกับน้องวัย 7 ขวบจริง ทางโรงเรียนจึงได้มีการตักเตือนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


และประเด็นที่ 4 น้องวัย 7 ขวบพักอาศัยอยู่ร่วมกับรุ่นพี่อีก 4 คนในห้องเดียวกัน ไม่ได้อยู่ในลักษณะของการเป็นรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้อง แต่เป็นลักษณะของการอาศัยอยู่ร่วมกันในหอพักของมูลนิธิ โดยรุ่นพี่ทั้ง 4 คนที่อยู่ห้องเดียวกัน ประกอบไปด้วย พี่ ม.3 ม.2 ป.6 และ ป.3 ซึ่งรุ่นพี่ทั้ง 4 คนก็เป็นนักเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน


จากข้อเท็จจริงพบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาช่วงเวลากลางคืน น้องวัย 7 ขวบกำลังเล่นกับรุ่นพี่ ม.3 ม.2 และ ป.6 อย่างสนุกสนาน ในลักษณะของการเล่นจับแปะ ด้วยความที่เป็นเด็กจึงอาจจะมีการเล่นรุนแรงถึงเนื้อถึงตัวซุกซนกันตามประสาเด็กผู้ชาย แต่ไม่ถึงขนาดเป็นการรุมทำร้ายร่างกายตามที่ปรากฎในข่าวแต่อย่างใด


โดยครูประจำชั้นของนักเรียนเล่าต่อว่า หลังจากนั้นวันที่ 12 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่โรงเรียนจัดกิจกรรมกีฬาสีและวันเด็กแห่งชาติ น้องวัย 7 ขวบและรุ่นพี่ร่วมห้องก็มาทำกิจกรรมที่โรงเรียนตามปกติ โดยตนสังเกตเห็นว่า น้องวัย 7 ขวบ ยังคงมีท่าทีที่สนุกสนานร่าเริงและตื่นเต้นกับของรางวัล ไม่ได้มีลักษณะเหมือนคนที่ถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ก่อนที่ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ทางคุณลุงของน้องจะมารับกลับบ้าน


เวลาผ่านไปถึงวันที่ 17 มกราคม ปรากฏว่าน้องไม่มาที่โรงเรียนเลย ตนในฐานะครูประจำชั้น จึงได้โทรไปหาคุณลุงของน้องวัย 7 ขวบ เพื่อตามมาเรียน แต่คุณลุงแจ้งว่า น้องมาเล่าให้ฟังภายหลังว่าถูกรุ่นพี่ที่พักอาศัยด้วยกันทำร้ายร่างกายและไม่ต้องการจะไปที่โรงเรียนนี้อีก


ในวันเดียวกัน ทางโรงเรียนจึงได้เชิญคุณลุงมาพูดคุยกับรุ่นพี่อีก 3 คนที่มีประเด็น แต่น้องวัย 7 ขวบไม่กล้ามาที่โรงเรียน จนทราบข้อเท็จจริงข้างต้นว่ามีการเล่นรุนแรง ทางรุ่นพี่ 3 คนนั้นจึงได้กล่าวสำนึกขอโทษไปยังคุณลุงของน้องและทางโรงเรียนก็ได้มีการตักเตือนรุ่นพี่ทั้ง 3 คนไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ไม่สามารถลงโทษได้ เนื่องจากเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งหลังจากนั้นเรื่องราวก็จบไป จนกระทั่งทางคุณแม่ของน้องวัย 7 ขวบไปแจ้งกัน จอมพลังจนเป็นข่าว


ครูระบุอีกว่า น้องวัย 7 ขวบ ปกติแล้วเป็นเด็กสดใส ร่าเริง พูดเก่ง อาจจะมีพฤติกรรมเล่นซนหยอกล้อกับเพื่อนบ้างตามประสาเด็ก แต่ก็เป็นพฤติกรรมของเด็กกำลังโต จึงไม่ถือว่าเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม น้องวัย 7 ขวบคนนี้ ตามที่โรงเรียนทราบคือ อยู่ภายใต้การปกครองดูแลของคุณลุงมาตั้งแต่เด็ก โรงเรียนไม่เคยทราบมาก่อนในเรื่องแม่ของน้องและก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใด ๆ กับแม่ของน้องด้วยจนกระทั่งมาปรากฏเป็นข่าว ส่วนที่น้องมาอาศัยอยู่ที่หอพักของมูลนิธินั้น ก็เพราะลุงของน้องรับอุปการะเด็กหลายคน เลยให้ทางมูลนิธิช่วยดูแลน้องอีกแรง


ด้านผู้จัดการโรงเรียน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้แม่ของน้องวัย 7 ขวบ ยังไม่เคยเดินทางมาพูดคุยใดๆ กับทางโรงเรียนตามที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน มีแต่เพียงคุณลุงของน้องที่รับทราบเรื่องเท่านั้น กลายเป็นว่าคุณแม่ไปให้สัมภาษณ์และกล่าวพาดพิงโจมตีโรงเรียน จนได้รับความเสียหายว่าไม่รับผิดชอบดูแลนักเรียน


ยืนยันว่า หากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในโรงเรียน ทางโรงเรียนยินดีจะรับผิดชอบเยียวยาและจะสั่งสอนตักเตือนลงโทษนักเรียนผู้กระทำความผิดอย่างแน่นอน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดนอกรั้วโรงเรียน ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของทางโรงเรียน ย้ำว่าในรั้วโรงเรียนมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยปะละเลยตามที่ปรากฏในข่าว

คุณอาจสนใจ

Related News