สังคม

ตร.เพิกถอนประกันลูกเรือน้ำมันเถื่อนที่ร่วมหลบหนี ตรวจสอบพบน้ำมันของกลางหายไปบางส่วน

โดย panisa_p

17 มิ.ย. 2567

24 views

ตำรวจใช้เวลา 5 วัน ในการติดตามหาเรือลักลอบบรรทุกน้ำมันเถื่อนทั้ง 3 ลำ ที่หลบหนีออกจากหน่วยเก็บรักษาของกลางตำรวจน้ำ อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี โดยตามไปเจอในบริเวณน่านน้ำสากล ระหว่าง"ไทย"กับ"มาเลเซีย" ล่าสุด ลากมาจอดที่สงขลาเเล้ว ขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงความคืบหน้าทางคดี พบว่าในระหว่างหลบหนี กลุ่มผู้ต้องหาพยายามเปลี่ยนสภาพเรือทั้ง 3 ลำ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เเละเชื่อว่า การเอาเรือออกไปครั้งนี้ มีนายทุนอยู่เบื้องหลังเเน่นอน



ความคืบหน้ากรณีเรือ เจ.พี. บรรทุกน้ำมันดีเซลเถื่อน 8 หมื่นลิตร เรือซีฮอต บรรทุกน้ำมันดีเซลเถื่อน 1 แสน 5 หมื่นลิตร และ เรือดาวรุ่งบรรทุกน้ำมันดีเซลเถื่อน 1 แสนลิตร พร้อมลูกเรือ 15 คน นำเรือหลบหนีออกจากจุดทิ้งสมอ บริเวณท่าเทียบเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งหายไปในขณะอยู่ในความดูแลของตำรวจน้ำ เพราะเรือทั้ง 3 ลำเป็นของกลางที่ตำรวจน้ำยึดไว้ดำเนินคดี "ฐานลักลอบขนน้ำมันดีเซลเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน"



จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.67) ทีมสืบสวนตามแกะรอยจนพบว่าเรือทั้ง 3 ลำ ลอยอยู่ในน่านน้ำสากลระหว่างไทยกับมาเลเซีย จึงลากเรือทั้ง 3 ลำกลับเข้ามาดำเนินคดี โดยนำเรือทั้ง 3 ลำ มาจอดที่ท่าเทียบเรือกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดสงขลา เพื่อให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม



การสืบสวนของตำรวจ มีข้อมูลว่า เรือทั้ง 3 ลำที่ถูกพบถูกจอดลอยลำทิ้งไว้ มีลูกเรือเหลืออยู่บนเรือเพียง 6 - 7 คน และน้ำมันของกลาง 3 แสน 3 หมื่นลิตรก็หายไปด้วย



ส่วนเส้นทางหลบหนี มีข้อมูลว่า เรือได้หลบหนีออกจากท่าเรือสัตหีบ ช่วง 2 ทุ่ม 10 นาที วันที่ 11 มิถุนายน จากนั้นมุ่งหน้าไปยังเกาะกูด จ.ตราด และล่องไปตามเส้นทางทะเลจนถึงประเทศกัมพูชา ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังประเทศเวียดนาม และกลับมาจอดในน่านน้ำสากลระหว่างไทย-มาเลเซีย ส่วนจุดที่มีการถ่ายน้ำมันยังไม่แน่ชัดว่าเป็นพื้นที่ใด



พลตำรวจตรี พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยไทม์ไลน์การหลบหนีของเรือทั้ง 3 ลำว่า หลังจากเหลบหนีจากจุดทอดสมอที่สัตหีบ สืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้นำเรือเหล่านี้ไปหลบซ่อนและพยายามเปลี่ยนสีเรือ และรูปพรรณสัณฐานไม่ให้โดนจับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องหาต้องการนำเรือกลับไปใช้ใหม่ แล้วเอาน้ำมันทั้งหมดจำหน่ายบริเวณน่านน้ำสากล ทำให้น้ำมันของกลางอยู่ไม่ครบ



นอกจากนี้ยังมีลูกเรือบางส่วนขึ้นฝั่งไปพักผ่อน โดยตำรวจน้ำได้ประสานไปยังตำรวจ ของประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับไทย ทั้ง กัมพูชาเวียดนาม มาเลเซีย โดยเฉพาะกัมพูชาให้ตรวจสอบตามท่าเรือ อู่เรือต่างๆ ว่ามีที่ไหนรับเปลี่ยนสภาพเรือบ้างหรือไม่แต่คาดว่าบรรดาลูกเรือรู้ทัน จึงหลบหนีออกมาจากกัมพูชาก่อน



โดยทางการข่าวของตำรวจเชื่อว่า เรือทั้ง 3 ลำ น่าจะหลบไปยังเขตเศรษฐกิจจำเพาะ หรือ EEZ เพราะมีความชำนาญในการล่องเรือบริเวณนั้น จึงใช้ภาคีเรือข่ายเรือประมงช่วยกันตามหา กระทั่งเช้าวานนี้ (16 มิ.ย.67) เจอว่าเรือทั้ง 3 ลำลอยอยู่กลางทะเล ห่างจากฝั่งสงขลาราว 90 ไมล์ทะเล ซึ่งอยู่ในพื้นที่ EEZ ตามคาด จึงส่งเรือตรวจการณ์ของตำรวจน้ำไปตรวจสอบ ก็พบว่า เรือถูกเปลี่ยนสภาพไปแล้ว 1 ลำ คือ ทาสีใหม่ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และในเรือทั้ง 3 ลำ เจอลูกเรือ 8 คน ส่วนอีก 7 คน ขึ้นไปพักบนฝั่ง



ด้านพลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานเเก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางบอกว่า ขอให้เชื่อมั่นการทำงานของตำรวจ จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป และจะไม่ปล่อยหากมีตำรวจเกี่ยวข้อง เพราะบังอาจทำให้หน่วยงานเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนการติดตามตัวเสี่ยโจ้ ทางกองปราบปรามยังตามต่อเนื่อง



จากข้อมูลการสืบสวนเชื่อว่า ลูกเรือทั้ง 28 คน น่าจะมีนายทุนอยู่เบื้องหลัง และมีนายทุนมากกว่า 1 คนด้วย ซึ่งทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกันขณะนี้อยู่ระหว่างหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม



สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจหรือ บก.ปอศ. เรียกผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวทั้ง 28 คนให้มารายงานตัว เพื่อตรวจสอบว่ามีใครบ้างที่หลบหนีไปกับเรือลักลอบบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำที่หายไป ซึ่่งปรากฏว่ามีลูกเรือเข้ามารายงานตัวทั้งหมด 11 คน



เบื้องต้น เเจ้งข้อหาร่วมกันพยายามนำเข้าหรือส่งออกของที่ยังไม่ผ่านวิธีทางศุลกากร ร่วมกันซ่อนเร้นพาไปเสียในทรัพย์ (น้ำมัน) อันเป็นของเกี่ยวเนื่องในความผิด ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ เเละร่วมกันบรรทุกของลักลอบหนีศุลกากรหรือมีไว้ซึ่งสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต



ซึ่งทั้ง 28 คน ได้รับการประกันตัวไปรวมวงเงินทั้งหมด 3 ล้าน 1 แสนบาท ตอนนี้ตำรวจเพิกถอนสิทธิประกันตัวของผู้ต้องหา 17 คน ที่หลบหนีไปแล้ว หลังจากนี้จะออกหมายจับทั้ง 17 คน กลับมาดำเนินคดี ส่วนจะเกี่ยวข้องกับ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" หรือไม่ อยู่ในสำนวนการสอบสวน

คุณอาจสนใจ

Related News