เผยชะตากรรมเด็กเมียนมานับหมื่น ได้รับผลกระทบจากการสู้รบยืดเยื้อ ทำขาดโอกาสการศึกษา

สถานการณ์การสู้รบในรัฐกะเหรี่ยง ของเมียนมาในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดในรัฐคะเรนนี นอกจากผลกระทบจาการหนีภัยการสู้รบแล้ว ยังมีผลกระทบโดยตรงต่อการศึกษาของเด็ก ซึ่งไม่สามารถได้เรียนหนังสือ ทำให้ขาดโอกาสทางการศึกษา ก่อนหน้านี้ผู้ปกครองจึงเลือกจะส่งเด็กมาเรียนหนังสือในประเทศไทย ซึ่งเปิดโอกาสให้สิทธิการศึกษากับเด็กที่ไมมีหลักฐานทะเบียนราษฎร ไม่มีสัญชาติไทย รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ผ่านระบบ G-code ลักษณะเดียวกับเด็ก 126 คนที่มาเรียนในจังหวัดอ่างทอง แต่กลับถูกผลักดันกลับเมียนมา ทำให้นักสิทธิมนุษยชนต้องออกมาเรียกร้องไม่ให้ผลักดันกลับและหาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดการศึกษาและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม


เด็กๆในหมู่บ้านแห่งหนึ่งชายแดนรัฐกะเหรี่ยงและรัฐคะเรนนี ที่ยังพอหลบภัยอยู่ในหมู่บ้าน มารวมตัวกันที่โรงเรียน เพื่อยืนยันว่ายังมีเด็กอยู่ในภาวะสงคราม ซึ่งการสู้รบในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง กว่า 2 ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้เด็กนับหมื่นคนไม่ได้เรียนหนังสือ อย่างโรงเรียนแห่งนี้ มีเด็กเหลือเพียง 3 ชั้นเรียน จากอนุบาล ถึง ป.3 และต้องเรียนรวมกันในอาคารหลังเดียว ก่อนหน้านี้ต้องหยุดเรียนไป 1 ปีหลังการสู้รบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ทำให้ไม่ต่อเนื่อง จนล่าสุดก็ไม่ได้เรียนหนังสือเพราะต้องวิ่งหนีเสียระเบิดจากกองทัพเมียนมา


เริ่มเด็กๆในหมู่บ้านเราก็ไม่ได้เรียนหนังสือมากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งต้องหนีเสียงระเบิด ไม่มีอุปกรณ์การเรียนการสอนและอาคารเรียนที่ยังสร้างไม่เสร็จ" ก่อนสถานการณ์การสู้รบ เด็กๆในรัฐกะเหรี่ยง ก็ไม่ได้เรียนหนังสือจากผลกระทบของโรคโควิด และยิ่งเกิดภาวะสงคราม ทำให้การเรียนไม่ต่อเนื่อง เพราะต้องวิ่งหนีเสียงระเบิด มาแล้วก็ไม่มีอุปกรณ์การเรียนที่เพียงพอ และอาคารเรียนที่ยังสร้างไม่เสร็จเสียที