สังคม

กรมโรงงานฯ สุ่มตรวจที่ดินหลังรง.เอกชน พบลอบฝังกากเคมีอันตราย ลุยเร่งเอาผิดเจ้าของ

โดย chiwatthanai_t

14 มิ.ย. 2566

247 views

กรมโรงงานอุตสาหกรรม ประสาน ให้ตำรวจปทส.รับทำคดีการลักลอบฝังกลบขยะบนที่ดินของป่าไม้ ซึ่งก่อนหน้านี้เอกชนรายหนึ่งเคยครอบครองทำประโยชน์ โดยมุ่งเป้าสืบสวนว่าใครเป็นผู้นำขยะเคมีเหล่ามาฝังกลบจนทำให้เกิดการปนเปื้อนทั้งใต้ดินและบนดิน ขณะที่การสุ่มขุด เพื่อสำรวจ 4 จุดวันนี้ ยังพบสารเคมีที่ถูกลักลอบฝังกลบโดยที่ยังไม่ย่อยสลายโดยง่าย



รถแบ็คโฮที่เจ้าหน้าที่ประสานมา ได้ขุดเจาะลงบนลานดิน ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในการครอบครองทำประโยชน์ของเอกชนรายหนึ่งที่ตั้งโรงงานอยู่ติดกัน ภายหลังผ่านการพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นที่ดินของกรมป่าไม้ เนื้อนที่ 4 ไร่เศษ ซึ่งการขุดเจาะครั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษได้ประสานกรมป่าไม้และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิสูจน์ว่า สารเคมีที่ถูกลักลอบฝังกลบไว้ เมื่อราว 2 ปีก่อน ยังส่งผลกระทบหรือไม่ มองจากกายภาพจะเห็นดินที่ขุดมาปนเปื้อนด้วยวัสดุที่มีลักษณะร่วน เหนียว และสีที่แตกต่างกัน มีทั้งเศษวัสดุและพลาดสติก ขณะที่กลิ่นเหม็นฉุนรุนแรง


ก่อนหน้านี้ข่าว 3 มิติ เคยนำเสนอภาพหลักฐานการเทกากขยะเคมีทั้งที่เป็นของเหลวโดยตรง และที่เป็นถุงบิ๊กแบ็คมาทิ้งฝังกลบที่นี่แล้วโรยด้วยปูนขาว ซึ่งนายกเทศมนตรีตำบลสีมามงคล ให้ข้อสังเกตว่า ขณะมีการลักลอบเทสารเคมีนั้น มีอาคารหลังหนึ่งถูกสร้างขึ้นแล้ว ซึ่งอาคารหลังนี้เจ้าของโรงงานได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างต่อเทศบาลไว้ โดยขอว่าจะสร้างในที่ตั้งของตัวเอง แต่ภายหลังพบว่ามาสร้างบนที่ดินป่าไม้ ทำให้กรณีนี้ เทศบาลดำเนินคดีบริษัทรายนี้ด้วย อย่างไรก็ตามข้อสังเกตดังกล่าวย้ำว่า อาคารสร้างขึ้นเมื่อไม่เกิน 3 ปี ดังนั้นการลักลอบทิ้งกากเคมีก็อยู่ในห้วงเวลาไม่เกินนี้


ข้อมุลดังกล่าวสอดคล้องกับที่อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่ลงมาวันนี้ระบุว่าขณะนี้ที่ดินแปลงนี้เป็นของราชการคือกรมป่าไม้ ซึ่งตามปกติต้องแจ้งข้อหา ตามพรบ.วัตถุอันตราย คือครอบครองสารเคมีเหล่นี้ แต่ในความเป็นจริงคือ ไม่มีเหตุผลที่กรมป่าไม้จะครอบครองวัตถุอันตตรายเหล่านี้ไว้ จึงต้องร่วมกันสืบสวนว่าใครผู้คือนำสารเคมีเหล่านี้มาทิ้งไว้


อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้ประสานกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ววันนี้ เพื่อโอนคดีฝังขยะเคมีเหล่านี้จาก สภ.กลางดง ไปที่บก.ปทส. ที่กำลังทำคดีลักลอบทิ้งสารเคมีหลายแห่งในอำเภอภาชี และอำเภออุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เพราะต้องการหาคำตอบโดยเร็วว่าใครทำให้เกิดผลกระทบ หากเอาผิดผู้นำขยะมาฝังกลบได้ ก็จะฟ้องร้องให้รับผิดชอบทั้งขยะเคมีที่เหลือยู่ และผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วด้วย


เป็นที่น่าสังเกตุว่าเมื่อเมษายนที่ผ่านมา กรมควบคุมมลพิษ ส่งหนังสือแจ้งบริษัทเอกอุทัยในฐานะนิติบคุคลและกรรมการอีก 2 คน ให้แสดงเจตนาชดใช้ค่าเสียหาย กรณีลักลอบฝังกลบกากของเสีย บนที่ดิน 3 ไร่ เศษนี้ เป็นเงินรวมกว่า 165 ล้านบาท เพราะปรากฎหลักฐานว่าบริษัทเกี่ยวข้องกับการนำวัตถุอันตรายมาฝัง ซึ่งพ้นกำหนดแล้วบริษัทไม่ได้แสดงเจตนา ทำให้กรมควบคุมมลพิษอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานต่อศาล ซึ่งการขุดวันนี้ของกรมโรงงานและการสอบสวนของตำรวจ จะนำมาสนับสนุนการฟ้องคดีของกรมควบคุมมลพิษ

คุณอาจสนใจ

Related News