ควบคุมมลพิษ แจ้งค่าเสียหายจาก บ.เอกอุทัย กลางดง 165 ล้านบาท

นอกจากที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ล่าสุดกรมควบคุมมลพิษ ก็ออกหนังสือ จำนวน 3 ฉบับ ถึงบริษัทเอกอุทัย ในฐานะนิติบุคคล และกรรมการบริษัท เอกอุทัยอีก 2 คน เพื่อให้แสดงเจตนาชดใช้ค่าเสียหาย กรณีพบการลักลอบฝังกลบของเสียกากอุตสาหกรรม ซึ่งค่าความเสียหาย และค่าดำเนินการตรวจสอบของภาครัฐ คิดเป็นเงินกว่า 165 ล้านบาท



กรมควบคุมมลพิษ ส่งหนังสือลงวันที่ 19 เมษายน 2566 ถึงบริษัทเอกอุทัย จำกัด 1 ฉบับ และอีกสองฉบับ ส่งถึงนางสาววราลี กิจสะอาด และนายวันชัย เรืองธุรกิจ กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทในขณะนั้น เพื่อให้แสดงเจตนาว่าจะรับผิดชดใช้ ค่าใช้จ่ายและค่าเสียหายในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมกลับคืนสู่สภาพเดิมหรือไม่



โดยกรมควบคุมมลพิษอ้างถึงกรณีดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม และ 6 พฤษภาคม 2564 ได้ตรวจสอบพบการลักลอบฝังกลบ ขยะสารเคมีอันตรายลงในบ่อดิน ในพื้นที่การทำประโยชน์ของบริษัทเอกอุทัย จำกัด ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีในความผิด พรบ.วัตถุอันตรายแล้ว โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมด 165 ล้านบาท



แยกเป็นค่าใช้จ่ายของกรมควบคุมมลพิษกว่า 6 แสนบาท เช่น ค่าใช้จ่ายลงพื้นที่ตรวจสอบเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม / ค่าห้องปฎิบัติการ /ค่าจ้างรถขุดดิน/ ค่าซื้อภาพถ่ายดาวเทียมจิสด้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่าย ที่เกิดจากการปฎิบัติงานของกรมป่าไม้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เทศบาลตำบลสีมามงคล และมากที่สุดคือค่ากำจัดกากของเสียและดินปนเปื้อน ในพื้นที่ 3 ไร่ เป็นเงินถึง 163 ล้านบาท



ตามเอกสารระบุว่าบริษัทเอกอุทัย ต้องแสดงเจตนาต่อกรมควบคุมมลพิษ ว่าจะชดใช้ค่าเสียหายและค่าดำเนินการเหล่านี้หรือไม่ ภายใน 30 วัน นับจากได้รับหนังสือ หากพ้นจากนี้จะถูกดำเนินคดีอีก



การดำเนินการของกรมควบคุมมลพิษ เป็นไปตามนัยมาตรา 96 และ97 ของพรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติปี 2535 ที่ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย



และอีกด้านหนึ่ง กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อทม ร่วมกับสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็จัดเตรียมความพร้อม ความเข้าใจของผู้ประกอบการ ทั้งบริษัทที่ก่อกำเนิดกาก และบริษัทรับกำจัดกาก หลังจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมแก้ไขประกาศกระทรวง เรื่องการจัดการกากอุตสาหกรรม ที่ขยายความรับผิดของบริษัทผู้ก่อกำเนิดกาก จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อถูกกำจัดอย่างถูกต้อง จากเดิมสิ้นสุดเมื่อถึงมือบริษัทรับกำจัดกาก แ



ซึ่งมาตรการใหม่นี้ จะทำให้บริษัทผู้ก่อกำเนิดกาก ต้องรับผิดชอบ หากพบว่ากากอุตสาหกรรมของตัวเอง ถูกบริษัทรับกำจัดกาก นำไปทิ้งจนสร้างปัญหาให้สังคมและสิ่งแวดล้อม และหากลดปัญหานี้ได้ก็จะเกิดความยั่งยืนในอุตสาหกรรมมากขึ้น



กฎหมายฉบับแก้ไขนี้ คาดว่าจะประกาศใช้ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ โดยจะทำให้บริษัทอุตสาหกรรม และบริษัทที่รับกำจัดกากอุตสาหกรรม ที่มีใบอนุญาจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม รวมกว่า 7 หมื่น 3 พันบริษัททั่วประเทศ ต้องตระหนักและรับผิดชอบต่อปัญหากากขยะอุตสาหกรรมมากขึ้น