สังคม

เปิดสาระสำคัญ พ.ร.บ.ป้องกันซ้อมทรมาน-อุ้มหาย ปฏิรูปวงการตำรวจ-จนท.รัฐ อุ้มรีดทรัพย์

โดย panwilai_c

21 ม.ค. 2566

166 views

เหลือเวลาอีกเเค่เดือนเดียว พระราชบัญญัติป้องกันเเละปราบปรามการทรมานเเละการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ก็จะมีเริ่มมีผลบังคับใช้ นอกจากจะช่วยลดปัญหาการละเมิดสิทธิโดยเจ้าหน้าที่รัฐ หลายฝ่ายยังคาดหวังว่ากฎหมายฉบับนี้ จะนำไปสู่การปฏิรูปวงการตำรวจ โดยเฉพาะข้อร้องเรียนกรณีอุ้มผู้ต้องหาไปทรมาน หรือต่อรองรีดเอาทรัพย์สิน ข่าว 3 มิติ คุยประเด็นนี้กับอดีตตำรวจหนึ่งในผู้ที่ร่วมผลักดันกฎหมาย มีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้



เสียงสะท้อนจากเลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม หรือ สป.ยธ. เห็นด้วยที่ประเทศไทย กำลังจะมีกฏหมายออกมาคุ้มครอง ป้องกันพฤติกรรมรุนเเรง-ป่าเถื่อนที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งการอุ้มฆ่า กักขัง-ซ้อมทรมาน ยัดข้อหา ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์



หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา บทสรุปจบลงด้วยความตาย เช่นล่าสุด คดีอดีตผู้กำกับโจ้ สุดท้ายผู้บังคับใช้กฏหมายกลายเป็นผู้ต้องหา เเละอีกหลายหลายคดีที่ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเเพะ



ย้อนกลับไป 25 ตุลาคม 2565 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยเเพร่พระบรมราชโองการ "พระราชบัญญัติ ป้องกันเเละปราบปรามการทรมาน เเละการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565"



โดยให้มีผลเมื่อพ้น 120 วันไปเเล้ว หมายความว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการวันเเรก 22 กุมภาพันธ์ 2566



ใจความสำคัญของกฏหมาย หลัก ๆ มี 3 ข้อ ซึ่งกำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติเมื่อมีการควบคุมตัว

1.ระหว่างจับกุมเเละควบคุมตัว ให้บันทึกภาพเเละเสียงต่อเนื่อง ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย

2.จะต้องบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว เช่น ข้อมูลอัตลักษณ์ วัน/เวลา/สถานที่ รวมถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม

3.ทุกหน่วยงานที่มีอำนาจจับกุม จะต้องเเจ้งบุคคลต่อไปนี้ทราบ เช่น ถ้าเป็นต่างจังหวัด ให้เเจ้งพนักงานอัยการ เเละนายอำเภอ ส่วนในกรุงเทพให้เเจ้งอัยการ หรือผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนเเละนิติการ กรมการปกครอง



เลขาธิการ สป.ยธ.ในฐานะอดีตตำรวจที่เห็นปัญหานี้มาโดยตลอด ยังมองว่ากฏหมายฉบับนี้จะนำไปสู่การปฏิรูปวงการตำรวจ โดยเฉพาะข้อร้องเรียนกรณีอุ้มผู้ต้องหาไปทรมาน กักขัง หรือต่อรองรีดเอาทรัพย์สิน เช่น คดีตำรวจ 191 เเละดีเอสไอ บางนายไปรีดทรัพย์กลุ่มจีนเทา



หากเป็นไปตามกำหนด กฏหมายป้องกันทรมาน-อุ้มหาย จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หลายฝ่ายจึงเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหว หลังพบสัญญาณว่าอาจมีคนบางกลุ่ม พยายามเตะถ่วง เปลี่ยนเเปลงสาระสำคัญในกฎหมายฉบับนี้

คุณอาจสนใจ

Related News