ปภ.ปรับหลักสูตรเข้ม ฝึก “อปพร.” พร้อมรับมือภัยพิบัติ หนุนทำงานจริงในอนาคต

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปรับหลักสูตรเข้ม ฝึก อปพร. พร้อมรับมือ ภัยพิบัติหลากหลายรูปแบบ

อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร. ในสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย คือกำลังเสริมที่มีบทบาทสำคัญในการรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติ และเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จากพลเรือนสู่การนำความรู้ที่ได้ไปสนับสนุนการทำงานจริงในอนาคต

การกู้ภัยเบื้องต้น เป็นหนึ่งในหลักสูตรการอบรมอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร. ที่ผู้เข้าร่วมจะต้องเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและการปฏิบัติ สู่การนำไปใช้จริง ดังนั้นการกู้ชีพหรือการทำ CPR ปั้มหัวใจ จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากสำหรับผู้ไม่มีประสบการณ์

ขณะที่ผู้ที่เคยปฏิบัติงานด้านนี้ อย่างอาสาสมัครกู้ภัย ก็ได้กลับมาเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ ซึ่งพวกเขายอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากทุกวินาทีคือชีวิตของผู้บาดเจ็บ ไม่ใช่แค่เรื่องการกู้ชีพเท่านั้น พวกเขายังต้องผ่านการอบรมในด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัย การจัดการภัยพิบัติชุมชน รวมไปถึงความปลอดภัยบนท้องถนนอีกด้วย

นายพิมพ์ชนก ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้เข้าร่วมอบรม เล่าว่า เขาตั้งใจมาเรียนรู้ประสบการณ์เหล่านี้เพื่อนำไปใช้สนับสนุนและช่วยเหลือ กรณีหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักสูตรต่างๆ ที่อาสาสมัครได้เรียนรู้ จึงครอบคลุมการปฏิบัติงานตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุสาธารณภัย ระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังเหตุ เพื่อป้องกันและยับยั้งไม่ให้ภัยที่เกิดขึ้นลุกลามต่อสาธารณะ ซึ่งอาสาสมัคร อปพร.กลางจะกลายมาเป็นสมาชิกสังกัดศูนย์ อปพร.กลาง ปฏิบัติหน้าที่กำลังเสริมฝ่ายพลเรือนให้กับเจ้าหน้าที่ในชุมชน

สำหรับสาธารณภัย หรือเหตุภัยพิบัติ ในประเทศไทยมักเกิดในรูปแบบเหตุอัคคีภัย ตามชุมชนและไฟป่า เหตุอุทกภัย ที่เกิดตามฤดูกาล และเหตุวาตภัย

ซึ่ง นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระบุว่า ปัจจุบันไทยได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อการเตือนภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้เกิดการเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์

ปัจจุบันมีอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในสังกัด อปพร. ส่วนกลาง 113 คน โดยมีอภปร.รุ่นล่าสุดจำนวน 40 คน ซึ่งอยู่ในส่วนของอาชีพสื่อมวลชน อาสาสมัครกู้ภัย และภาคเอกชนเข้าร่วม เพื่อนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมตลาด 5 วัน ไปสนับสนุนการทำงานในภาคปฏิบัติของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในอนาคต เพราะความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลา