เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร้องถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตร.หลอกโอนเงิน เข้าแจ้งความโรงพักยังไม่รับทำคดี

ผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์แอบอ้างเป็นตำรวจ ออกอุบายหลอกให้เหยื่อแจ้งความออนไลน์ พร้อมโอนเงินไปตรวจสอบ หากไม่โอนเงินก็ข่มขู่ ว่า จะถูกดำเนินคดีฐานรับฟอกเงินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้ผู้เสียหายร้องเรียน ว่า ทุกคนได้รับความเดือดร้อนหนักเพราะเงินถูกโอนไปหมดบัญชี และแก๊งคอลเซนเตอร์ก็ยังเหิมเกริมอย่างหนัก ไม่ถูกติดตามจับกุม เพียงเดือนเดียวมีเหยื่อถูกหลอกกว่า 50 คน สูญเงินกว่า 20 ล้านบาท แต่ขณะนี้ตำรวจยังไม่รับคดี ทำให้แก๊งคอลเซนเตอร์ยังลอยนวล



ผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยถึงความยากลำบากในการแจ้งความคดีแก๊งคอลเซนเตอร์แอบอ้างเป็นตำรวจ ขยายผลคดีฟอกเงินจากยาเสพติด โดยเสนอแจ้งความทางออนไลน์ได้ และให้โอนเงินไปตรวจสอบ หลังตกเป็นเหยื่อก็ไปแจ้งความที่โรงพัก โรงพักแห่งแรกได้ให้ไปโรงพักตามที่อยู่ เมื่อไปถึง ร้อยเวรก็แจ้งว่าคดีโรงพักมีจำนวนมาก อีกทั้งฉ้อโกงแบบนี้เป็นคดีเฉพาะ ไม่มีความชำนาญพอ

ผู้เสียหายรายนี้จึงเดินทางไปยังหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ แต่แล้วก็ได้รับคำตอบว่า ต้องรวมผู้เสียหายให้ได้กว่า 10 คนและมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท จึงกลับไปรวมตัวผู้เสียหายได้ 37 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท เพื่อไปแจ้งความ แต่กลับได้รับคำตอบว่าต้องมีผู้เสียหายมากกว่า 50 คน



เหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง สูญเงินหมดบัญชีตั้งแต่แสนบาทไปจนถึง 3 ล้านบาท เป็นเงินที่เก็บออมมาทั้งชีวิต หลายคนคิดสั้น และยังเห็นว่าเป็นคดีที่ผู้เสียหายไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำผิดใดๆ แต่มีคนร้ายแอบอ้างเป็นตำรวจโทรศัพท์ข่มขู่ ซึ่งคนสุจริตชนทั่วไปก็เกรงกลัวอยู่แล้ว จึงอยากให้มีการจัดการกับแก๊งนี้โดยเร็ว เพราะเป็นช่องทางที่คนร้าย ได้เงินวันละจำนวนมหาศาล และยังคงใช้ชื่อตำรวจก่อเหตุได้ทุกวัน และเชื่อว่าน่าจะมีมากขึ้น หากไม่มีการดำเนินคดีตัดวงจร