ย้อนกลับไปเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ตลาดร่มไทร ตำบลบางพลับ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม จับภาพ นายจิรภัทร ดีสูงเนิน หรือ บาส อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันแห่งหนึ่ง ยืนอยู่กับเพื่อนรวม 3 คน

จากนั้น มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์มา 2 คัน เข้ามาพูดคุย ก่อนก่อเหตุรุมชกต่อยทำร้ายร่างกายน้องบาส ก่อนหนึ่งในผู้ก่อเหตุ จะใช้อาวุธมีดที่พกติดตัวมาแทงเข้าที่หลัง 2 แผล จนบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกคน ชกต่อยตีซ้ำ ก่อนหลบหนีไป จากนั้นบาส ก็ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล รักษาตัวได้เพียง 1 วัน ก็เสียชีวิต

วานนี้ (18 พ.ย.) ชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด จับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาได้ 2 คน คือ นายปอนด์ อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นคนแทง และเยาวชนอายุ 16 ปี ใช้หมวกกันน็อกตี ซึ่งหนีไปกบดานที่บ้านรุ่นพี่ที่รู้จัก ในอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห่างไปประมาณ 50-60 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ พร้อมกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีดำคาดแดง ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ที่ใช้ในวันก่อเหตุ ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ปากเกร็ด

จากนั้นได้คุมตัวนายปอนด์ มือแทง และนายตุง เยาวชน ไปขอขมาผู้เสียชีวิต ที่บริเวณพระพุทธรูปหลวงพ่อโต หน้าสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด โดยได้นำรองเท้าที่เปื้อนเลือดของผู้เสียชีวิตมาให้ทั้งคู่ขอขมา ก่อนจะนำขึ้นรถตู้ตำรวจ และกล่าวขอขมาผู้ตาย

ก่อนนำมาชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยผู้ต้องหาให้การว่า วันเกิดเหตุตนและเพื่อน รวม 4 คน มาซื้อบุหรี่ที่ร้านสะดวกซื้อในตลาด และมาเจอผู้เสียชีวิตกับเพื่อน มีการมองหน้ากันกับคู่กรณี แต่ยังไม่มีเรื่อง เพราะเพื่อนตนห้ามไว้ แล้วพากันออกจากพื้นที่ แต่ตนและนายตุงได้วนรถกลับมา และเจอคู่กรณีอีกครั้ง

ครั้งนี้นายตุงได้มีปากเสียงและทะเลาะกับนายบาส ตนจึงลงไปดูสถานการณ์ พอเห็นเพื่อนสู้ไม่ได้ จึงหยิบมีดพกที่นำติดตัวมาด้วยแทงไปที่ข้างหลังนายบาส 2 ครั้ง จากนั้นนายตุง ได้ถอดหมวกกันน็อคตีซ้ำไปตัวนายบาส ก่อนพากันหลบหนี

ทั้งนี้นายปอน อ้างว่า สาเหตุไม่ได้จากการมองหน้ากัน แต่เพราะฝ่ายผู้ตายพูดจาท้าทาย อยากตายเหมือนนายแทนไหม ซึ่งตนไม่รู้จักคนชื่อแทน ทำให้โมโห และทำให้มีเรื่องกัน แต่ยืนยันว่าไม่ได้เจตนาทำร้ายถึงชีวิต ซึ่งตนได้ขอขมาผู้ตายแล้ว และครอบครัวผู้ตายด้วย เข้าใจว่าครอบครัวผู้ตายมีลูกเพียงคนเดียว

ทางด้าน พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุมี 2 คน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา 2 ข้อหา คือ ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และร่วมการพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

จากการตรวจสอบประวัติ ยังไม่พบว่าเคยมีประวัติการก่อเหตุ แต่หากมีผู้ที่เคยถูกกระทำก็สามารถมาแจ้งความร้องทุกข์ได้ รวมถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตหากรู้สึกไม่ปลอดภัยก็จะจัดเจ้าหน้าที่ไปดูแล

ส่วนการให้การของผู้ต้องหา ว่าถูกกลุ่มผู้ตายท้าทายนั้นเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ปักใจเชื่อทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน

ด้านคุณแม่น้องบาส คุณประภาพร เกสร อายุ 56 ปี บอกว่า เพิ่งทราบเมื่อช่วงสายว่าตำรวจ สภ.ปากเกร็ดจับกุมผู้ก่อเหตุได้ครบแล้ว ซึ่งตนอยากให้ผู้ก่อเหตุมาขอขมา โดยตำรวจถามแม่ว่า อยากพูดอะไรกับเด็กที่ก่อเหตุไหม

ตนจึงบอกไปว่า อยากถามว่า ฆ่าลูกแม่ทำไม ลูกแม่ทำอะไรขนาดนั้น ถ้าทะเลาะชกต่อยก็จบกันไป แต่นี่คือการหมายเอาชีวิตให้ตายตรงนั้น แทงแล้วแทงแทงซ้ำ ก่อนใช้หมวกทุบ ทำไมต้องทำขนาดนั้น ทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องโกรธแค้นกันมา ทำไมถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้ และส่วนตัวตอนนี้ยังไม่โหสิกรรมให้

ทั้งนี้ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน ขอบคุณสื่อ และขอบคุณเพื่อนๆ ลูก และญาติๆ ที่ช่วยกันโพสต์ ทำให้ทราบว่า มีผู้เสียหายหลายคนแจ้งว่า เคยโดนเด็กกลุ่มนี้กระทำ แต่ไม่ได้แจ้งความ ส่วนตัวมองว่าถ้าทำได้แบบนี้ แสดงว่าย่ามใจถ้ามนุษย์ธรรมดาทำไม่ได้หรอก เพราะสถานที่เกิดเหตุเป็นตลาดอยู่ริมถนน ต้องกล้าขนาดไหนจึงจะกล้าใช้มีดแทงผู้อื่นในที่สาธารณะ

ตนเองอยากให้ผู้ที่ถูกกระทำออกมาร้องทุกข์แจ้งความให้หมด อยากให้การเสียชีวิตของลูกเป็นประโยชน์กับคนอื่น เพราะทุกอย่างสูญเสียไปหมดแล้ว ไม่สามารถเรียกคืนสิ่งใดได้ แม่บาสยังระบุว่า คนที่จงใจกระทำเป็นกมลสันดาน ทำอย่างอุกอาจทำไมจึงสามารถกลับมาก่อเหตุซ้ำได้

ปกติลูกชายตน ไปเช่าหอพักอยู่กับเพื่อนแถวซอยวัดกำแพง อำเภอเมือง นนทบุรี ก่อนเกิดเหตลูกชายส่งรูปมาให้ตอน 14.34น. พร้อมบอกว่าตัดผมสั้นแล้ว ตามที่แม่ได้เคยบอกให้ลูกชายตัดผม จึงถามต่อว่าเรียนไหม วันนี้ ลูกตอบมาว่าเสร็จแล้ว

และคาดว่าหลังจากเรียนเสร็จ ก็ไปซื้อของกิน และก็เกิดเหตุขึ้น ที่ผ่านมาเคยเตือนลูกชายว่า อย่าพยามจับกลุ่มบ่อย ทุกที่ตอนนี้ ไม่หาเรื่องเขา เขาก็หาเรื่องเรา พยายามอยากขับรถไปไหน

จากการสอบถามเพื่อนที่ไปในวันเกิดเหตุ เล่าว่า ก็ไปเจอกลุ่มคนร้ายที่หาว่ามองหน้าทำไม ซึ่งตัวผู้ตายนิ่งไม่ได้ตอบอะไร ก่อนเกิดเหตุ พยามไปคุยเพื่อเจรจาและชี้แจงว่าไม่ได้มองหน้า ก่อนที่จะถูกชก ต่อยและแทง แล้วจึงใช้มีดตวัด กระซวกซ้ำทุบได้หมวกกันน็อก ตนเข้าใจว่าเสียชีวิตตั้งแต่ในที่เกิดเหตุและหัวใจหยุดเต้น

แม่บอกว่า การที่ลูกถูกพรากไป ไม่ได้เป็นการฆ่าลูกตายคนเดียว แต่คนที่ตายก็คือแม่ด้วย มันควักหัวใจของเราออกไป ถามว่าจะชดใช้อย่างไร มันไม่สามารถชดใช้ชีวิตของลูกชายเรากลับคืนมาได้ ให้กรรมเวรเป็นตัวตัดสิน บาสคือความหวังของครอบครัว แทนที่จะเรียนจบ แล้วบวช กลับต้องมาจัดงานศพลูก ตนในฐานะมีลูกคนเดียว มันรู้สึกทรมาน

ด้านนายสมบูรณ์ ดีสูงเนิน อายุ 60 ปี พ่อผู้ตาย บอกว่า เพิ่งทราบว่าจับผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมดแล้ว ก่อนกล่าวทั้งน้ำตาว่า หากเจอหน้าอยากถามว่า ฆ่าลูกผมทำไม มาฆ่าลูกผมทำไม ลูกผมไม่ใช่คนเกเรเป็นคนได้หนังสือ ปกติวัยรุ่นการชกต่อยเข้าใจได้ แต่นี่กลับใช้อาวุธ ลูกตนต่อสู้ไม่ได้

ที่ผ่านมา เคยเตือนลูกชายว่าพยายามอย่ามาให้ไกล แต่เค้าเป็นที่รักของเพื่อน เป็นคนนิสัยดี ไม่เคยเอาเปรียบและไม่เคยเกเรกับใคร และรักเพื่อนมาก ที่ผ่านมาตนอาจจะเข้มงวด แต่พอลูกชายเข้ามหาวิทยาลัยได้ และอายุ 18 ปีตนก็ปล่อย ให้ได้ใช้ชีวิต

ทั้งนี้ อยากขอบคุณผู้กำกับการ สภ.ปากเกร็ด ที่ช่วยตามคดี ขอบคุณชุดสืบสวนสอบสวน และสื่อที่ช่วยนำเสนอ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/t7DaBIEsmrw