สาวเปิดใจ เทหนุ่มใหญ่สายเปย์กระโดดเกาะรถ รับอึดอัดฝ่ายชายอารมณ์ร้อน ทนอยู่ด้วยไม่ได้

สังคม

สาวเปิดใจ เทหนุ่มใหญ่สายเปย์กระโดดเกาะรถ รับอึดอัดฝ่ายชายอารมณ์ร้อน ทนอยู่ด้วยไม่ได้

โดย nicharee_m

5 ต.ค. 2564

3.2K views

เมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) ภาพวงจรปิดมีผู้ชายคนหนึ่ง วิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ที่บริเวณหน้าทีทำการสายตรวจคลองแม่ลาย ต.คลองแม่ลาย อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ได้วิ่งเข้าไปขวางหน้ารถยนต์เก๋งสีขาว ภายในรถมีหญิงสาวเป็นผู้ขับ พร้อมกับเพื่อนสาวอีกคนที่นั่งมาด้วย


หลังจากผู้ชายคนดังกล่าวได้เข้าไปขวางรถยนต์ไว้แล้ว ก็ได้กระโดดขึ้นเกาะบริเวณกระโปรงรถ จนมาถึงบริเวณที่ทำการสายตรวจ ตำรวจได้ที่ประจำการอยู่ภายในป้อมได้เข้าไปห้ามปราม และแจ้งให้หยุดรถ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย


หลังจากนั้น ตำรวจก็เข้ามาช่วยเจรจา ทราบชื่อผู้ชายคนดังกล่าวชื่อ ธนะสิทธิ์ สุขเกตุ อายุ 59 ปี บอกกับตำรวจว่า หญิงสาวที่ขับรถอยู่ยนั้น คือแฟนของตัวเอง ชื่อนางสาวเกตุฤดี อายุ 27 ปี คบกันมา 1 ปีแล้ว


ผู้สื่อข่าวของเราสอบถามนายธนะสิทธิ์ บอกว่า เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา นางสาวเกตุ โทรมาบอกว่าวันที่ 30 กันยายนนี้ จะย้ายของมาอยู่กับตน แต่พอถึงวันจริง บอกว่าจะมาวันที่ 1 ต.ค.ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดขัด พอถึงวันจริงก็ขอเลื่อน


กระทั่งเมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 08.00 น. นางสาวเกตุได้โทรมาหาตนอีกครั้ง บอกจะขอให้ตนโอนเงินไปให้ 1 หมื่นบาท แต่ตนไม่ยอมโอนให้ เพราะเข็ดจากครั้งก่อนที่พอโอนให้แล้วก็หายไป


จากนั้นนางสาวเกตุ ได้ขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน ตนจึงไปกดเงินให้จำนวน 1 หมื่นบาท และหลังจากนั้น ตนก็ได้ติดรถของนางสาวกิ่งออกไปข้างนอกด้วย


ระหว่างทางนางสาวเกตุบอกว่า หิวน้ำ และชวนตนลงไปร้านสะดวกซื้อ เดินกอดคอตนเข้าไปในร้านสะดวกซื้อด้วย พอเข้าไปในร้านก็ทำทีซื้อของอยู่ข้างหน้า และขอให้ตนไปหยิบหน้ำให้ ขณะที่ตนกำลังเดินไปหยิบน้ำนั้น นางสาวเกตุได้วิ่งหนีขึ้นรถไปแล้ว ตนจึงวิ่งตามและกระโดดเกาะกระโปรงรถ ซึ่งตอนนั้นไม่นึกว่าตัวเองจะกล้าทำ ซึ่งยืนยันว่าทำไปเพราะตกใจ ไม่อยากให้เขาหนี จนตำรวจอยู่บริเวณใกล้เคียงได้เรียกให้นางสาวกิ่งจอดรถ และให้ไปไกล่เกลี่ยกันที่โรงพัก


สำหรับเรื่องรถเก๋งนั้นเป็นชื่อของนางสาวเกตุ และนางสาวเกตุได้ขอให้ตนซื้อให้ โดยบอกว่าให้เป็นของหมั้น ตนจึงให้เงินสดพ่อของนางสาวเกตุไป 170,000 บาท จากนั้นนางสาวกิ่งขอให้ตนซื้อทองให้ด้วย


นายธนะสิทธ์ ยังเล่าอีกว่า หลังจากซื้อรถให้นางสาวเกตุก็หายไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกันประมาณ 5 ปีแล้ว กระทั่ง 2 ปีที่แล้วตนได้ไปขอเบอร์กิ่งกับหลานสาว จึงได้ติดต่อกันอีก หลังจากนั้นจึงตกลงคบกัน ระหว่างคบหากันจึงขอให้นางสาวเกตุมาอยู่ด้วย แต่นางสาวกิ่งก็บ่ายเบี่ยงตลอดเวลา จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น


ด้านนางสาวเกตุฤดี บอกว่า ตนยอมรับว่าตอนแรกตั้งใจจะสร้างครอบครัวกับนายธนะสิทธิ์จริง แต่พักหลังตนเริ่มลังเล เพราะนายธนะสิทธิ์เป็นคนอารมณ์ร้อน รุนแรง และข่มขู่จะทำร้ายครอบครัวตน ถ้าหากว่าเลิกกัน และทำให้ตนอึดอัด


นายธนสิทธิ์ เล่าว่า น.ส.เกตุฤดี เป็นแฟนสาวของตน คบหากันมา กว่า 1 ปีแล้ว แต่ฝ่ายหญิงไปๆ มาๆ นานๆ จะมาสักครั้ง โดยตนจะโอนเงินให้ตลอด ถ้าแฟนสาวร้องขอมา เมื่อปีที่แล้วก็ขอให้ซื้อรถยนต์ และทองคำให้ เพื่อไว้เป็นของหมั้นตนก็ซื้อให้


จากนั้นจึงไปดูฤกษ์ กำหนดเดือน 6 ปีที่แล้ว ว่าจะทำพิธีผูกแขนแต่งงานกัน แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง หลบหน้าตามาโดยตลอด ซึ่งทุกครั้งที่หายหน้าไปก็จะให้ตนโอนเงินไปให้ตลอด รถยนต์คันนี้ตนก็ซื้อให้เป็นเงินสดในราคา 170,000 บาท นำเอาไปให้กับพ่อฝ่ายหญิง และให้เป็นชื่อของฝ่ายหญิง เพื่อความสบายใจ


ก่อนเกิดเหตุได้โทรศัพท์มานัดหมาย ว่าจะมาหาโดยมีเพื่อนสาวติดรถมาด้วย จากนั้นก็ชวนกันมาหาซื้อของกินกันที่ร้านสะดวกซื้อ บริเวณตลาดคลองแม่ลาย โดยให้ตนลงไปซื้อของ ตอนกำลังจะเดินเข้ามาในร้าน สังเกตเห็นว่าแฟนสาวค่อยๆ ขับรถออกจากที่จอด จึงวิ่งไปขวางแล้วเกาะรถไว้ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ช้ำใจมาก


ด้าน น.ส.เกตุฤดี บอกว่า ยอมรับว่านายธนสิทธิ์ เป็นคนที่ดูแลตนมาเป็นอย่างดี แต่ว่านายธนสิทธิ์ เป็นคนโมโหร้าย รุนแรง ไม่คิดว่าจะอยู่กับเขาได้ จึงคิดจะหนีจริงๆ ซึ่งตัวนายธนสิทธิ์ เองก็มีเด็กที่เลี้ยงไว้เยอะ ยังเคยคุยว่าโอนไปให้คนโน้นคนนี้ ส่วนที่เขาให้เงินมา ตนก็เอา และเรื่องรถยนต์ตนคงไม่คืนให้ เพราะสิ่งที่ตนเสียไปมันมากกว่า สรุปว่าตนจะไม่หวนไปหาเขาอีก


พ.ต.ท. นิกร ใบเนียม สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร บอกว่า เหตุการณ์นี้ตำรวจไม่สามารถรับแจ้งความ หรือคำร้องทุกข์ต่างๆ ได้ เพราะหากฝ่ายชายจะแจ้งว่าฝ่ายหญิงหลอกลวงนั้น ต้องมีพยานหลักฐานต่างๆ ให้ชัดเจนว่าถูกหลอก


ซึ่งอย่างกรณีรถยนต์ที่ฝ่ายชายซื้อให้ฝ่ายหญิง และโอนให้เป็นชื่อของฝ่ายหญิงแล้ว ก็อาจจะเป็นการให้โดยเสน่หา ส่วนจะให้ตำรวจบังคับให้ฝ่ายหญิงไปอยู่กินกับฝ่ายชายก็ไม่ได้ จึงแนะนำให้ฝ่ายชายไปหาหลักฐานฟ้องทางแพ่ง จากนั้นได้ให้ทั้งคู่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และแยกย้ายกันกลับ

คุณอาจสนใจ