เมื่อวานนี้ (11 ก.ย.) ช่วงเวลาเที่ยงตรง ที่บ้านห้วยฝักดาบ ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายเสี่ยว หรือ อาผะ อายุ 44 ปี สัญชาตเมียนมา ผู้ก่อเหตุลักพาตัว 'น้องจีน่า' เด็กหญิงอายุ 1 ปี 11 เดือน ออกไปจากบ้านในหมู่บ้านตั้งแตช่วงค่ำวันที่ 5 ก.ย.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เร่งคลี่ปม 'น้องจีน่า' หมอผีปัดเอี่ยวขบวนการลักเด็ก ชี้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ช่วยคนกว่า 40 ปี

กระทั่งต่อมาพบตัวในช่วงเที่ยงวันที่ 8 ก.ย. อยู่ในกระท่อมบนเนินเขาใกล้หมู่บ้าน มาชี้จุดก่อเหตุมากกว่า 11 จุด ซึ่งสาเหตุที่ทำแผนหลายจุด เนื่องจากนายอาผะ ยังให้การกับวกวน และเเต่ละครั้งให้การไม่ตรงกัน

โดยคำให้การครั้งเเรก อ้างว่าได้ขี่รถจักรยานยนต์มาอุ้มน้องจีน่า โดยใช้ผ้าขาวม้าผูกกับเองตัวเอง เเล้วขี่รถไปจอดที่บริเวณสระน้ำท้ายหมู่บ้าน ก่อนอุ้มเด็กขึ้นไปไว้หน้าถ้ำ บนภูเขา เพื่อบูชาผี

คำให้การครั้งที่สอง มีการอ้างว่าหลังจากอุ้มเด็กขึ้นรถเสร็จเเล้ว ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดถนนท้ายหมู่บ้าน เเล้วอุ้มเด็กไปส่งให้กับคนบงการ ที่ยืนรออยู่บริเวณไร่ข้าวโพด หลังหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงมีจำเป็น ต้องพาตัวนายอาผะ ไปชี้ทุกจุดที่เคยให้การ

โดยจุดที่ 1 เจ้าหน้าที่คุมนายอาผะ ไปชี้จุดที่บริเวณบ้านของนายอาผะ ซึ่งเป็นจุดที่ก่อนก่อเหตุ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านหลังนี้

จุดที่ 2 คือปากซอยทางเข้าบ้านของนายอาผะ ที่ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากซอยนี้

จุดที่ 3 ทางเข้าบ้านน้องจีน่า เพื่อชี้ว่าเด็กที่อุ้มไปอยู่บ้านหลังไหน

จุดที่ 4 เป็นจุดที่จอดรถอุ้มเด็ก อยู่ห่างจากบ้านน้องจีน่า 20 เมตร นายอาผะ ได้อุ้มเด็กขึ้นซ้อนท้าย เเล้วใช้ผ้าผูกเอวเด็ก ติดกับเอวของตัวเอง

จุดที่ 5 เป็นจุดที่นายอาผะจอดรถ บริเวณทางโค้ง ถนนท้ายหมู่บ้าน ห่างจากจุดอุ้มเด็ก 50 เมตร จากนั้นได้อุ้มเด็กลงจากรถ

จุดที่ 6 เป็นไร่ข้าวโพด อยู่ห่างจากจุดจอดรถ 30 เมตร เป็นจุดที่นายอาผะ อ้างว่าได้อุ้มน้องจีน่า มาส่งให้กับคนบงการ ที่ยืนรออยู่

จุดที่ 7 บริเวณสระน้ำท้ายหมู่บ้าน เป็นจุดที่นายอาผะให้การครั้งเเรก ว่าได้มาจอดรถจักรยานยนต์ ก่อนอุ้มขึ้นไปบนถ้ำ

จุดที่ 8 ไร่ข้าวโพดท้ายหมู่บ้าน นายอาผะอ้างว่าหลังจากก่อเหตุเสร็จ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาข้างนอก เเล้วนำเสื้อเเขนยาว ซึ่งเป็นเสื้อที่ใช้มัดน้องจีน่า มาโยนทิ้งไว้บริเวณนี้

จุดที่ 9 บริเวณท้ายหมู่บ้าน หน้าบ้านของนายจะสอ เป็นจุดที่นายอาผะ เดินทางมาขอยาเส้นเมื่อเวลา 09.00 น. ก่อนก่อเหตุ

จุดที่ 10 บริเวณบ้านของนายสิทธิพงษ์ จะงะ หรือจะจือ ตาเลี้ยงของน้องจีน่า โดยระหว่างที่กำลังนายอาผะกำลังชี้จุดอยู่นั้น ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าพบเสื้อเเขนยาว สีน้ำตาล อยู่บริเวณข้างเสาธง หน้าศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเข้า อยู่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งนายอาผะยืนยัน ว่าใช้เสื้อตัวนี้ในการมัดเด็กตอนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ จึงได้คุมตัวนายอาผะ มาชี้จุดดังกล่าว เป็นจุดที่ 11 ก่อนนำตัวไปสอบปากคำต่อ ที่ สภ.เเม่เเตง รวมระยะเวลาการชี้จุด 1 ชั่วโมงครึ่ง

โดยจุดที่มีการนำชี้ทั้งหมดนั้น จะเห็นได้ว่า นายอาผะ ยังให้การวกวน และพูดไม่ตรงกันสักครั้ง ตำรวจจึงจำเป็นต้องบันทึกคำให้การ และบันทึกภาพสถานที่ทุกจุดที่นายอาผะให้การเอาไว้ก่อน ตลอดการนำตัวไปชี้จุด นายอาผะ มีสีหน้าเหนื่อยล้า และอ่อนแรง และไม่ได้พูดอะไรกับผู้สื่อข่าว

ขณะเดียวกัน ระหว่างการชี้จุด ทางตำรวจมีการนำตัว น.ส.กานต์สินี จะตา ลูกเลี้ยงของนายอาผะ มาร่วมเป็นล่ามในการเเปลด้วย

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ณฐภณ แก้วกำเนิด ผกก.สภ.แม่แตง อ.แม่แตง พร้อมนายสมบัติ จะวะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านห้วยฝักดาบ หมู่ 19 ต.อินทขิล ได้ระดมเจ้าหน้าที่และชาวบ้านกว่า 70 คน โดยแบ่งเป็น 2 ชุด ปูพรมค้นหาหลักฐานคดีลักพาตัว น้องจีน่า ตามคำให้การของนายอาผะ หรือเสี่ยว เพื่อค้นหากางเกงขาสั้นสีแดง ผ้าข้าวม้าสีดำ ซองขนม ขวดน้ำ ของใช้เด็ก และวัตถุพยานอื่นเพิ่มเติม โดยแจกถุงพลาสติกให้ทีมค้นหาทุกคน เพื่อรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุให้ได้มากที่สุด ส่งไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อประกอบสำนวนคดี พร้อมเชื่อมโยงไปยังผู้บงการและเกี่ยวข้องคดี

โดยกระจายกำลังค้นหาในรัศมี 1 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงต่อมา พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ วงศ์อุทัย ผกก.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ในฐานะทีมสอบสวนคดีน้องจีน่า เผยว่า ล่าสุดได้แจ้งข้อหานายอาผะ ผู้ต้องหาคดีเป็นต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เพิ่มอีก 3 ข้อหา คือ พรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดา หรือผู้ปกครอง โดยไม่มีเหตุอันควร กักขังหน่วงเหนี่ยว และลักพาตัวเด็ก โดยใช้กฎหมายตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อควบคุมตัวนายอาผะไว้สอบสวน จนกว่าคลี่คลายคดีได้ และยังไม่มีการแจ้งข้อหาบุคคลอื่น เนื่องจากต้องรอพยานหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนอาการของน้องจีน่ายังคงรักษาตัวอยู่กับพ่อแม่ ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ อ.แม่ริม นั้น มีรายงานว่า น้องจีน่ามีอาการร่าเริงและยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่งอแง แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาสภาพร่างกายให้แข็งแรง และฟื้นฟูสภาพจิตใจ ให้เป็นปกติเร็วที่สุด