สังคม

‘อัจฉริยะ’ เผยจุดแตงโมตกเรือ-พบศพไม่มีโคลน

โดย paranee_s

16 พ.ค. 2565

184 views

เมื่อเวลา 10.15 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมทีมนักประดาน้ำ ได้เริ่มออกเรือไปยังจุดที่ 1 คือจุดที่ตำรวจแถลงคาดว่าแตงโมตกเรือ ใช้เวลาสำรวจสภาพใต้น้ำ เก็บตัวอย่างทราย และสแกนหาโลหะใต้น้ำประมาณ 30 นาที จึงเดินทางไปสำรวจจุดที่ 2 ใช้เวลาประมาณ 20 นาที และเคลื่อนไปยังจุดที่ 3 ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนกลับขึ้นฝั่งในเวลา 12.00 น. โดยทั้ง 3 จุดได้ทำการสำรวจ ค้นหา และเก็บตัวอย่างแบบเดียวกันทั้งหมด


ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ผลของภารกิจวันนี้ทำให้ตนได้พิสูจน์ว่า จุดตกเรือและจุดพบศพที่ควรจะต้องมีโคลน เพราะผลนิติเวชบอกว่าพบโคลนในปอดแตงโมนั้น ปรากฎว่าจากการดำสำรวจของนักประดาน้ำวันนี้ พบว่าทั้ง 2 จุด ไม่มีโคลน มีแต่ทราย โดยจุดแรกมีความลึกประมาณ 15-16 เมตร ส่วนจุดที่ 2 มีความลึกประมาณ 17-19 เมตร ซึ่งก็ขัดแย้งกับผลนิติเวชที่บอกว่าแตงโมจมน้ำตื้น จึงชัดเจนว่า แตงโมไม่ได้ตกเรือที่จุดนี้แน่นอน


ขณะที่จุดที่ 3 ที่ท่าเทียบเรือทรายที่เป็นจุดที่ตนสงสัย เนื่องจากมีภาพในกล้องวงจรปิด ว่า มีการนำเรือมาจอดแวะที่จุดนี้ในช่วงเวลาใกล้กับเวลาเกิดเหตุ แต่ตำรวจไม่เคยพูดถึง ซึ่งจากการสำรวจของนักประดาน้ำวันนี้ พบว่าใต้น้ำจุดดังกล่าว มีแต่โคลน ไม่มีทราย โดยมีความลึกประมาณ 7 เมตร ซึ่งสอดคล้องกับที่พบโคลนในปอด ตนจึงสงสัยว่าแตงโมน่าจะตกเรือตรงนี้มากกว่า เพราะทรายที่พบว่ากำอยู่ในมือก็มีลักษณะเหมือนทรายบนเรือขนทรายที่จอดตรงนั้น และระดับน้ำก็ไม่ลึกด้วย ซึ่งหลักฐานเรื่องโคลนและทรายที่พบในวันนี้ ก็จะเป็นหนึ่งในหลักฐานที่ตนจะนำไปยื่นให้ดีเอสไอในวันที่ 18 พ.ค. นี้ด้วย


ทั้งนี้ การค้นหาวันนี้ ยังไม่เจอผ้ากระโปรงสีขาว หรือวัตถุโลหะใดๆ แต่นายอัจฉริยะ ระบุว่า ตอนนี้ตนทราบแล้วว่าผ้าขาวอยู่ที่ไหน เพราะมีพยานที่พบว่าผ้าขาวลอยไปอยู่ที่ท่าช้าง ซึ่งพยานจะเข้ามาพบตนในวันนี้ โดยยืนยันว่าผ้านี้เป็นของจริงแน่นอน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด


ส่วนอาวุธมีดพก K2 ที่ตนมีภาพว่าตอนเอาเรือไปเติมน้ำมัน มีคนบนเรือคนหนึ่งพกมีดนี้ไว้กับตัวตลอด แต่หลังเกิดเหตุมีดนี้หายไป ซึ่งแม้วันนี้จะหาไม่พบ แต่ก็จะไปยื่นให้ดีเอสไอช่วยตรวจสอบ โดยต้องสอบปากคำคนในเรือว่าเอามีดไปทิ้งไว้ที่ไหน โดยมีดนี้มีความสำคัญ เพราะได้มีการทดลองนำมีดรุ่นเดียวกันมากรีดลงบนเนื้อหมูก็ได้บาดแผลใกล้เคียงกับแผลที่ต้นขาขวาของแตงโม และหมอที่ทำการทดสอบก็จะมาเป็นพยานให้ตนด้วย


นายอัจฉริยะ ยังยืนยันด้วยว่า ตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่จะนำไปยื่นกับดีเอสไอ ว่าจะสามารถทำให้คดีนี้เข้าสู่กระบวนการของการสอบสวนคดีพิเศษได้ เพราะมีความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญประกอบ รวมถึงหมอพรทิพย์ด้วย และหากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ก็จะสามารถนับหนึ่งใหม่ ทำการสอบสวนโดยที่ไม่มีธง ซึ่งตนยังเชื่อว่าคดีนี้เป็นฆาตกรรมอำพรางแน่นอน แม้แต่ตำรวจก็ไม่มีคลิปหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นการพลัดตกเรือ


ส่วนภารกิจในวันนี้ ตนทราบว่ามีหลายคนคิดว่า มาหาหลักฐานตอนนี้ สภาพในน้ำคงจะเปลี่ยนไปหลายอย่างแล้ว แต่ตนคิดว่าพอใจกับสิ่งที่ได้ เพราะทำให้เห็นเรื่องโคลนและทราย


สำหรับการขอเข้าพบอัยการ ที่ครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าพบนั้น นายอัจฉริยะบอกว่า ตอนนี้ตนไม่สนใจอัยการแล้ว แต่ก็ขอให้ซื่อสัตย์ไปให้ตลอด อย่าเล่นลิ้น ส่วนเรื่องเอกสารคำฟ้องที่บอกว่าเป็นของปลอมส่งไปที่บ้านอัยการโดย นาย อ. นั้น นายอัจฉริยะ ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับตน แต่เอกสารนี้ ตนก็มีเหมือนกัน และเป็นเอกสารของจริงที่ถูกนำไปยื่นฟ้องศาลในวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ศาลยกฟ้อง และคนที่จะรู้ที่อยู่ของอัยการได้ ก็ต้องไม่ใช่บุคคลทั่วไป จึงต้องไปดูท้ายคำฟ้องว่าใครเป็นผู้เรียงพิมพ์


ขณะที่ นายเฉลิมพล หงษ์ยนต์ ประธานสมาคมกู้ภัยทางน้ำ กาญจนบุรี ภาค 7 ให้ความเห็นเรื่องการเปลี่ยนสภาพของโคลนและทรายใต้น้ำว่า จากประสบการณ์ของตนที่ผ่านมา หากเป็นบริเวณร่องน้ำลึก ใต้น้ำก็อาจจะเปลี่ยนสภาพได้ แต่ส่วนมากสภาพจะคงเดิม จะเปลี่ยนได้ง่ายเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีเลนเยอะ ซึ่งการสำรวจในวันนี้ ได้สำรวจสภาพใต้น้ำของแต่ละจุดในระยะรัศมีความกว้าง 10 ตารางเมตร ส่วนวัตถุใต้น้ำ ตนเคยค้นหาด้วยระยะห่าง 10 เดือนก็ยังเจออยู่ที่เดิม แต่วันนี้ที่ยังหาไม่พบ ยังยืนยันไม่ได้ว่าไม่มี เพราะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาที่ใช้ในแต่ละจุดซึ่งถือว่ามีน้อย ต้องรีบนำเรือขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News