วานนี้ (3 ส.ค.) เฟซบุ๊ก ‘ผลไม้ลุงฟรุ๊ต by ลูกหลานเทียมมี่’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “เรียนลูกค้าลุงฟร๊ตที่เคารพทุก ๆท่าน ขณะนี้ลุงฟลุ๊ตตี้ หรือลุงโป๊ง นายบักเซี้ย แสงบัวงามล้ำ (แซ่ลิ้ม) อายุ 69 ปี ได้จากไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 02.40 น. เนื่องจากติดเชื้อโควิด ขอทุกท่านช่วยภาวนาร่วมส่งดวงวิญญาณของลุงฟรุ๊ตสู่สุคติ พบทางสว่างสงบนิรันดรขอบคุณมากครับ”

นายแสงทิพย์ อายุ 39 ปี ลูกชายคนที่ 3 ของลุงฟรุ๊ตตี้เผยว่า ก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิตมีอาการไอ ไม่มีแรงเดิน ได้แต่นอนอยู่ที่บ้านและหยุดขายของ จึงให้คุณพ่อกินยารักษาตามอาการ ซึ่งขณะนั้นยังไม่ทราบว่าติดเชื้อโควิดหรือไม่ ต่อมาคุณพ่อบอกว่าอยากไปตรวจหาเชื้อ พี่สาวจึงพาไปตรวจที่โรงพยาบาลตำรวจ วันที่ 23 ก.ค.2564 จากนั้นวันที่ 24 ก.ค.2564 ทราบผลเป็นบวกติดโควิด

ขณะนั้นคุณพ่อยังไม่เชื่อว่าตัวเองติดเชื้อโควิด ตนพยายามหาฟ้าทะลายโจรมาให้กิน แต่คุณพ่อไม่ค่อยกินข้าวและไม่ค่อยกินยา ต่อมาวันที่ 25 ก.ค.ตนพาคุณพ่อไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเชื้อลงปอดแล้ว ซึ่งได้ให้คุณพ่อกินยาต้านเชื้อและใส่ออกซิเจน

ระหว่างที่คุณพ่อรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลบอกกับพี่สาวว่าให้ไปฉีดวัคซีน ซึ่งพี่สาวก็ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน,น้องชายฉีดวัคซีนซิโนแวคครบสองเข็ม,พี่ชายฉีดแอสตราเซเนกา 1 เข็ม,คุณแม่ฉีดแอสตราเซเนกา 1 เข็ม ส่วนคุณพ่อยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เพราะรอ อยากฉีดไฟเซอร์ คุณพ่อเชื่อว่าน่าจะเป็นวัคซีนที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง หากได้ฉีดวัคซีนที่ดีจะได้สบายใจ เพราะคุณพ่อมีโรคประจำตัวหลายโรคทั้งอ้วน กล้ามเนื้ออ่อนแรง เบาหวาน ไทรอยด์ ความดัน

ก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิตได้สั่งเสีย ขอบคุณทุกคนที่ช่วยทั้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและคนในครอบครัว ซึ่งช่วง 4 ทุ่ม วันที่ 2 ส.ค.เจ้าหน้าที่ให้คุณพ่อคุยโทรศัพท์กับพี่สาว ยังคุยดี ๆ อยู่เลย “พ่อมีความหวังที่จะหายกลับมาใช้ชีวิตปกติได้” กระทั่งอาการทรุด หมอปั๊มหัวใจประมาณ 30 นาที แต่ชีพจรไม่ขึ้นและเสียชีวิตในเวลา 02.40 น.ของวันที่ 3 ส.ค.2564 มันเร็วมาก “ภูมิใจพ่อเป็นตัวอย่างที่ดี การขายผลไม้ไม่ใช่อาชีพที่ร่ำรวย แต่พ่อรู้จักคนเยอะ พูดคุยสนุกสนานเป็นกันเองจึงทำให้ขายของได้ พ่อบอกว่าถ้าจุฬาฯ เปิดไม่ต้องเรียนออนไลน์แล้ว จะขี่เวสป้าไปขายผลไม้เหมือนเดิม”

ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านของลุงฟรุ๊ตตี้ พบว่ารถเวสป้าคู่ใจของลุงฟรุ๊ตตี้ ยังจอดอยู่หน้าบ้านพร้อมกับถังแช่แข็ง ขณะที่ในบ้านมีลูกชายคนเล็กอายุ 37 ปี ติดเชื้อโควิดอาศัยอยู่ลำพัง ส่วนคุณแม่ตรวจหาเชื้อแล้วผลเป็นลบไปอาศัยอยู่บ้านของพี่ชายอีกหลัง ตนเองมีอาการเป็นไข้ ไอ มีเสมหะ คิดว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ จึงไปตรวจหาเชื้อและรู้ผลติดโควิดก่อนคุณพ่อ ตนเองจึงขอรักษาตัวอยู่ที่บ้าน Home Isolation

ต่อมาคุณพ่อเริ่มไอ จึงอยู่บ้านรักษาตามอาการ คุณพ่อไม่ได้บอกมีอาการหนักมากน้อยแค่ไหน พยายามสังเกตอาการว่า เข้าข่ายติดโควิดหรือไม่ คุณพ่อ ไม่ค่อยกินข้าวจนผอมลง ทางบ้านซื้อเครื่องตรวจวัดออกซิเจน มาตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือด 85

จากนั้นทางครอบครัวได้พาคุณพ่อ ไปตรวจหาเชื้อและทราบผลเป็นบวก พร้อมทั้งประสานโรงพยาบาลเพื่อส่งตัวคุณพ่อ เข้ารับการรักษาที่ รพ.ตำรวจ ตนก็ติดตามอาการคุณพ่อตลอด จนทราบว่าเชื้อลงปอดลามไปทั่วปอด ปอดเป็นฝ้าก่อนที่อาการของพ่อจะทรุดหนักและเสียชีวิต “ไม่อยากจะโทษใคร เพราะทุกคนไม่อยากให้เรื่องร้ายเกิดขึ้น”

ขณะที่ลูกสาวของลูกฟรุ๊ตตี้ เผย รูปถ่ายสุดท้ายของคุณพ่อระหว่างรอเข้ารักษาที่ รพ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. "โควิดรุนแรงกว่าที่ป๊าคิด ป๊าคิดว่าป๊าสู้มันไหว แต่ร่างกายมันไม่ไปกับใจ” นี่คือประโยคสุดท้ายก่อนเสียชีวิตของลุงฟรุ๊ตตี้จากคำบอกเล่าของลูกสาวเผยว่า คุยกับพ่อครั้งสุดท้ายคืนก่อนจะเสียชีวิต พ่อขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี ถ้ามีโอกาสได้วัคซีนให้รีบไป อย่ารอ ไม่อยากเห็นการสูญเสียอีก พ่อห่วงคนอื่นแม้ในช่วงท้ายของชีวิต วันนี้ (4 ก.ค.) 9.00 จะไปรับศพพ่อที่ สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ไปฌาปนกิจที่ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสฯ

หากใครเคยซื้อผลไม้จากลุงฟรุ๊ตตี้ จะต้องได้ยินเสียงทักทายจากลุงฟรุ๊ตตี้ ซึ่งเป็นคนขายผลไม้ยิ้มแย้มทักทายคนที่เดินผ่านไปมา เป็นหนึ่งในภาพคุ้นตาของเหล่านิสิต บุคลากร และอาจารย์ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมายาวนานมากกว่า 30 ปี ลุงฟรุ๊ตตี้ จะมาพร้อมเวสป้าคู่ใจที่บรรทุกถังแช่แข็งเต็มไปด้วยผลไม้สดใหม่พร้อมรับประทาน

ไม่ว่าจะช่วงเวลาพักกลางวัน หลังเลิกเรียน รวมทั้งช่วงอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมนอกเวลา ก็จะเห็นลุงฟรุ๊ตตี้ขี่เวสป้ามาพร้อมผลไม้สดใหม่เสมอ เอกลักษณ์ของผลไม้แช่เย็นลุงฟรุ๊ตตี้ คือผลไม้ตัดแต่งแช่เย็นมีรสชาติหวานกรอบ และยังพิถีพิถันด้วยการแกะเมล็ดออก เช่น แตงโม หรือเงาะที่คว้านเอาเมล็ดออก ลูกค้าประจำจะทราบดีกว่าลุงฟรุ๊ตตี้จะจดจำผลไม้ที่ลูกค้าชอบได้อีกด้วย

ทั้งนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศให้นิสิตเรียนออนไลน์ ประกอบกับลุงฟรุ๊ตตี้มีปัญหาสุขภาพ มีโรคประจำตัว ทำให้ต้องหยุดขายและขาดรายได้ โดยอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกในบ้านพักที่เป็นอาคารพาณิชย์ในซอยจุฬาฯ 48 หันมาขายผลไม้เล็ก ๆ น้อยๆ หน้าบ้าน แต่เมื่อศิษย์เก่าโพสต์เรื่องราวของลุงฟรุ๊ตตี้ในกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “จุฬาฯ มาร์เก็ตเพลส” พร้อมช่องทางการติดต่อ ทำให้มีคนมาอุดหนุนโดยการโทรสั่งแล้วมารับที่บ้าน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/FVYMIwWBWnA