ที่อาคารรัฐสภาวันนี้ มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน วงเงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่จับตาเพราะถ้าสภาไม่ให้ผ่าน ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภาตามารยาททางการเมือง 

โดยรัฐบาลยืนยันถึงความจำเป็นต้องกู้เงิน 5 แสนล้านบาทเพื่อมาเยียวยาประชาชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด19 ขณะที่ฝ่ายค้านก็ประกาศคว่ำพระราชกำหนดฉบับนี้เพื่อหยุดยั้งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

เริ่มต้นการประชุมวันนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงถึงความจำเป็นต้องกู้เงินวงเงิน 5แสนล้าน ว่าเป็นเพราะสถานการณ์โควิด19 ยังไม่ยุติลง และเงินกู้วงเงิน 1 ล้านล้านบาท เมื่อปี 2563 ขณะนี้เหลือเพียง 1764 ล้านบาท ไม่เพียงพอ เพราะได้อนุมัติการใช้จ่ายไปแล้วถึง 298โครงการ จำเป็นต้องกู้เงิน เพิ่มเติม

ฝ่ายค้านเริ่มการอภิปราย โดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. พรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินครั้งนี้มองว่าเหมือนเป็นการตีเช็คเปล่ากู้เงินให้นายกรัฐมนตรี เอาไปใช้โดยไม่มีรายละเอียดการใช้จ่ายที่ชัดเจน ทั้งที่เงินกู้เดิมก็ยังใช้จ่ายไม่หมด

เช่นเดียวพรรคก้าวไกลแถลงคว่ำพระราชกำหนดฉบับนี้ เพราะการแก้ปัญหาโควิด-19 ที่ผ่านมาล้มเหลว กู้เงินถึง 5แสนล้านแต่มีเอกสารมาเพียง 5 หน้า

การอภิปรายจะมีจนถึงเที่ยงคืนวันนี้ และพรุ่งนี้จะมีการลงมติ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันจะให้ผ่าน ทั้งหมด ขณะ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังย้ำว่าการกู้เงินครั้งนี้จะใช้เงินงบประมาณอย่างรอบคอบอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง