ไฮไลต์ซักฟอกรบ. วันที่ 2 ฝ่ายค้านจัดหนัก ขยี้ปัญหากองทัพ-สันติภาพชายแดนใต้

การอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ วันที่ 2 ซึ่งตลอดทั้งวัน มีการจับตาไปที่ประเด็นความมั่นคง ทั้งในส่วนกระทรวงกลาโหมและสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการอภิปรายของนายชวน หลีกภัย ที่ฝากถึงนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ควรเลือกปฏิบัติในการลงพื้นที่ในการดูแลประชาชน



ไฮไลต์การอภิปรายตลอดทั้งวันที่ผ่านมา มีการจับตาไปที่การอภิปรายของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายนโยบายของกระทรวงกลาโหม อย่างที่รัฐบาลเคยแถลงนโยบายไว้ว่าจะมีการเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ ลดกำลังพล และปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ที่สุดท้ายกลายเป็นเพียงการสมยอมกับกองทัพในการปรุงแต่งจบตาประชาชน เอานโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทำแล้ว ทำอยู่ มาทำต่อ และใช้คำโฆษณาให้ประชาชนหลงเชื่อว่า นี่คือการปฏิรูปกองทัพแล้ว และไม่กล้าตัดสินใจ



ขณะที่นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นตอบโต้นายวิโรจน์ ว่าเป็นฝ่ายที่ตบตาประชาชน เพราะพูดเรื่องเดิมที่เคยตอบไปแล้วทั้งสิ้น และยืนยันว่ากำลังทำการปฏิรูปกองทัพ ไม่ใช่การปฏัวัติอย่างข้อเสนอของนายวิโรจน์ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีการตั้งคณะกรรมการมา 8 ชุด หลังรับตำแหน่งได้สองเดือน



นอกจากนี้ ยังมีการอภิปรายของนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่นอกจากอภิปรายเรื่องราคายางพารา ที่ไม่อยากให้หลงทางว่าราคายางที่สูงขึ้นเพราะผลงานของรัฐบาล เพราะมีบทเรียนมาหลายรัฐบาล รวมถึงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญ จึงอยากให้ใส่ใจเพิ่มขึ้น เพราะเป็นเหตุจากรัฐบาลสมัยก่อนใช้นโยบายเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2544 ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาด้วยการปราบปรามอย่างรุนแรง จนกลายเป็นความผิดพลาด และฝากถึงนายกรัฐมนตรีว่าการลงพื้นที่ไม่เกี่ยวกับมี สส.พรรคเพื่อไทย หรือไม่ เพราะไม่ควรเลือกปฏิบัติ และให้ทำหน้าที่เต็มที่เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีมาครึ่งปีแล้ว



นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เน้นย้ำว่ารัฐบาลเปราะบางไม่ให้ความสำคัญกับการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งๆที่ริเริ่มมาจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์​ ชินวัตร เมื่อ 10 ปีก่อน และเสียดายการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ที่นอกจากจะไม่อยากเน้นปัญหาความมั่นคง แต่ยังไม่เน้นการสร้างความยุติธรรม ตามหลักนิติธรรมด้วย