เมื่อวานนี้ วันที่ 10 เม.ย.64 นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) ตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 186 ราย รวมทั้งสิ้นในระลอกนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมแล้วทั้งสิ้น 381 ราย ซึ่งมีความจำเป็นต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้นมารองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ด้าน นพ.อำพร เอี่ยมศรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนาม จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จัดตั้งขึ้นที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา โดยมีหอผู้ป่วย จำนวน 1 หอผู้ป่วย จำนวนเตียง 252 เตียง เริ่มเปิดรับผู้ป่วยโควิด-19 ของ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 เมษายน 64

"การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ก็เพื่อรับผู้ป่วยอยู่ 2 กรณี คือ ประการแรกรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ผ่านการประเมินแล้ว ผู้ป่วยมีความปลอดภัย เพื่อนำมารักษาต่อให้ครบ 10 วัน ประการที่ 2 รับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ผ่านการประเมินจากแพทย์จากจุดคัดแยก โดยการเอ็กซ์เรย์ปอดและตรวจเลือดภายในโรงพยาบาลสนามแล้วมีความปลอดภัย ผู้ป่วยมีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการ"

ทั้งนี้ มีผู้บริจาคข้าวของเครื่องใช้จำนวนมาก โดยสิ่งที่ยังขาดแคลนอยู่คือ เตียง กับเครื่องนอน

ขณะที่ นายเรวัตร แสงมีอานุภาพ ประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ติดโควิด-19 จากสถานบันเทิงตัวเมืองเชียงใหม่ ว่า จากการติดตามเพจลูกช้าง มช. พบว่ามีนักศึกษากว่า 20 ราย ติดเชื้อโควิด เพราะมีการลงไทม์ไลน์อย่างชัดเจน ทำให้นักศึกษาตื่นตระหนกพอสมควร ไม่ทราบว่าเชื้อกระจายไปทางใดบ้าง ส่งผลให้นักศึกษาบางส่วนกักตัวเองอยู่ในหอพัก หรือบ้านแทน หลังปิดเทอม สังเกตคนรอบข้างที่เดินทางกลับภูมิลำเนา เช่น กระบี่ ลำปาง อุตรดิตถ์ บางส่วนติดเชื้อ ก่อนแพร่กระจายไปยังคนใกล้ชิดหรือครอบครัว จึงแจ้งไทม์ไลน์ให้เพื่อน ๆ ทราบเพื่อตรวจหาเชื้อดังกล่าว

หลังเกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มนักศึกษามา 2-3 วันแล้ว ยังไม่เห็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตื่นตัว หรือแอคชั่นเรื่องดังกล่าว ทางนักศึกษาต้องดูแลกันเอง หากไปตรวจที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มช. ต้องไปจองคิวตั้งแต่เวลา 08.00 น. ก่อนได้ตรวจในช่วงเย็น เวลา 16.00 น. เนื่องจากมีผู้ใช้บริการมาก ดังนั้นอยากให้เปิดช่องตรวจนักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ เพื่อลดความแออัด

พร้อมเปิดโรงแรมยูนิเซฟที่อยู่ใกล้สวนสุขภาพ มช. เป็นสถานที่กักตัวนักศึกษาที่เสี่ยงติดเชื้อ แทนให้นักศึกษาไปกักตัวที่โรงพยาบาลสนามภายในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อความสะดวกและดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น พร้อมนำรถตรวจหาเชื้อเคลื่อนที่มาตรวจนักศึกษาที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในหอพัก เพื่อป้องกันโรคดังกล่าวอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เช่นเดียวกับ นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อเรียกร้องต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรณีสถานการณ์โควิดระบาดรอบใหม่ ระบุว่า

"ดังที่เป็นรับรู้กันโดยทั่วไปว่าในขณะนี้ได้มีการตรวจพบว่าบุคลากรและนักศึกษา ของ ม.เชียงใหม่จำนวนไม่น้อยได้ติดโควิดในระลอกใหม่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญก็คือว่าในระหว่างที่อาการของโรคยังไม่แสดงอาการ บุคคลเหล่านั้นได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยในหลายจังหวะและช่วงเวลา กระจัดกระจายไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งอาจมีการสัมผัสและเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นเป็นจำนวนมาก

แต่มาจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการประมวลฐานข้อมูลของบุคคลเหล่านี้อย่างเป็นระบบที่จะทำให้บุคลากรและนักศึกษาของ ม.เชียงใหม่ สามารถตรวจสอบได้ว่า ตนเองเกี่ยวข้องหรือมีโอกาสที่จะติดเชื้อโควิดมากน้อยเพียงใด การแสดงข้อมูลที่เกิดขึ้นเป็นไปตามความสมัครใจและกระจัดกระจายออกไป รวมทั้งไม่ได้มีการบ่งชี้ว่าหากมีการสัมผัสหรือเกี่ยวข้องกับผู้ที่ติดเชื้อในรูปแบบใดจึงจะถือว่า มีความเสี่ยงสูงหรือความเสี่ยงต่ำ

เช่น กรณีของคณะนิติศาสตร์ มีข้อมูลว่านักศึกษาหนึ่งคนซึ่งได้มีการตรวจพบเชื้อโควิดได้เข้าร่วมกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ โดยมีนักศึกษาเข้าร่วมงานประมาณ 200 คน จะถูกนับว่า เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงในระดับใด คณบดีและคณาจารย์ที่เข้าร่วมงานมีความเสี่ยงในระดับใด ไม่นับรวมความยุ่งยากที่ติดตามก็คือว่า ณ บัดนี้ นักศึกษาได้แยกย้ายกันกลับบ้านเนื่องจากเป็นช่วงเวลาปิดภาคการศึกษา ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ติดตามมาอย่างไม่รู้จบหากไม่มีการแจ้งเตือนอย่างทันท่วงที

ม.เชียงใหม่ ในฐานะองค์กรที่มีบุคลากร ทรัพยากร และความรู้เป็นจำนวนมาก ควรจะต้องแสดงบทบาทในเชิงรุกให้เพิ่มมากขึ้น เช่น การจัดทำฐานข้อมูลของผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นบุคลากร นักศึกษา พื้นที่ที่มีการสัมผัสจากบุคคลกลุ่มดังกล่าว เป็นต้น นอกจากการแจ้งเพียงว่า หากใครมีความเสี่ยงสูงก็ให้ไปตรวจหาเชื้อได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะบัดนี้ปัญหานี้ต้องการการจัดการอย่างเป็นระบบและมีฐานข้อมูลที่ชัดเจน

ได้แต่คาดหวังว่า ม.เชียงใหม่ จะได้แสดงบทบาทที่ถูกต้องและทันท่วงทีกับสถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่ลงทุกขณะ เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่าที่ควรจะเป็น"

ต่อมา ล่าสุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ระบุว่า มหาวิทยาลัยได้ประสานกับทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จัดพื้นที่ส่วนหนึ่งในหอพักของมหาวิทยาลัยเป็นส่วนขยายหอผู้ป่วยติดเชื้อ สำหรับนักศึกษาและบุคลากร มช. เพื่อเป็นการดูแลตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค และแบ่งเบาความแออัดของโรงพยาบาลสนาม จ.เชียงใหม่

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/r975pyNGVH4