เลือกตั้งและการเมือง
ผลสอบ ‘ส่วยสติกเกอร์’ ลงดาบ 6 จนท. หลังสั่งย้าย 40 นาย ตร.ทางหลวงยัน ทำคดีตรงไปตรงมา ไม่ตามกระแส
6 ก.ย. 2566
48 views
สรุปคดีส่วยทางหลวง ตำรวจถูกสั่งย้าย 40 นาย แต่ถูกดำเนินคดีจริงแค่ 6 นาย ตำรวจทางหลวงยันทำคดีตรงไปตรงมา ไม่ใช่ตามกระแส ขณะที่ ปธ.สหพันธ์รถบรรทุก บอก ส่วยสติกเกอร์ไม่มีแล้ว แต่พบเปลี่ยนวิธีใหม่แจ้งเลขทะเบียนรถจริง สังเกตุชื่อบริษัทบนหลังคารถ พร้อมฝาก รบ.ใหม่ มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาส่วยจริงจัง
ความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบสวยสติกเกอร์รถบรรทุกซึ่งก่อนหน้านี้เป็นข่าวโด่งดังมากระยะหนึ่งแล้วมีการตรวจสอบจะมีการสั่งย้ายผู้บังคับการตำรวจทางหลวงไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและได้มีการแต่งตั้งให้พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง
ตรวจสอบรายละเอียดคดีส่วนสติกเกอร์ให้ชัดเจน โดยแบ่งช่วงระหว่างที่มีการตรวจสอบนั้นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.พรรคก้าวไกล และผู้ประกอบการ ต่างนำข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับซวยรถบรรทุกมามอบให้กับตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
วานนี้ (5 ก.ย.66) พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง สรุปว่า ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการดำเนินการของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยฝากไปถึงตำรวจให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างเด็ดขาดมิใช่ทำตาม กระแสสังคมพอเรื่องเงียบหายไปก็ย้ายกลับมาอีก
คดีนี้กองบังคับการตำรวจทางหลวงได้มีการสั่งย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์จำนวน 40 นายเข้ามาช่วยราชการที่กองบังคับการตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา
และได้มีการสอบสวนปากคำทุกคนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะส่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 40 นายกลับไปประจำที่หน่วยเดิมโดยไม่ให้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับประชาชน หรือเกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าว “และในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตส่วยสติกเกอร์ ถูกส่งเรื่องไป ป.ป.ช. เพื่อชี้มูลความผิด”
นอกจากนี้ยังมีตำรวจทางหลวงอีกอีก 11 นาย ที่ถูกร้องเรียนในการกระทำความผิดรูปแบบอื่นๆ กองบังคับการตำรวจทางหลวงได้เรียกตัวทั้งหมดมาทำการอบรมพร้อมกับส่งกลับไปยังต้นสังกัดและติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ตำรวจทั้ง 40 นายจะถูกส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปพิจารณาเรื่องการลงโทษทางวินัย และจะพิจารณาย้ายออกนอกหน่วยในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวพบว่า มีเจ้าหน้าที่ประจำด่านชั่งน้ำหนักของกรมทางหลวงก็มีการทำเรื่องร้องเรียนกันไปมาในหน่วยเดียวกัน เกี่ยวกับการทุจริตสวยสติ๊กเกอร์และการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถบรรทุกเรื่องนี้ จะโทษตำรวจทางหลวงฝ่ายเดียวไม่ได้ต้องมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องอื่นๆร่วมมือกันแก้ไขปัญหาด้วย
ส่วนกรณีสติกเกอร์รูปต่างๆ พี่ติดตามรถบรรทุก ทั้งรูป พระอาทิตย์รูปกระต่าย ที่นายวิโรจน์เคยโพสต์ในโซเชียลนั้นจากการตรวจสอบข้อมูลมีมูลและการส่งข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลแล้วโหลดพบว่าจะเกี่ยวข้องกับสติกเกอร์รูปกระต่าย
จากนี้ในระหว่างที่ทำการตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดก็พบว่า มีความพยายามจากผู้ประกอบการรถบรรทุกบางคนติดต่อขอให้ช่วยเหลือผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมายจับกุมเกี่ยวกับการบรรทุกเกินของรถบรรทุกในสายทางต่างๆ ซึ่ง ตำรวจตรี จรูญเกียรติ ให้ปฏิเสธการช่วยเหลือทุกรูปแบบ
โดยแนะนำว่าเรื่องน้ำหนักและรายละเอียดเกี่ยวกับการขนส่งนั้นให้ไปติดต่อ กระทรวงคมนาคมเพื่อ ช่วยเหลือหรือ แก้ไขกฎหมายให้สามารถบรรทุกเกินได้ตามความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละคน ซึ่งเรื่องนี้ ได้แจ้งให้อธิบดีกรมทางหลวงรับทราบ และได้กำชับให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเต็มที่โดยไม่ละเว้น เพราะว่าปัญหาดังกล่าวสร้างความเสียหายกับถนนทางหลวงในหลายสายซึ่งต้องเสียงบประมาณในการซ่อมแซมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ยืนยันว่ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจับกุมรถบรรทุกเกินและการปราบปรามการทุจริต อย่างเต็มที่ไม่ได้ทำงานตามกระแสอย่างที่กลุ่มการเมืองบางฝ่ายตั้งข้อสังเกต
และกำชับให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเต็มที่โดยไม่ละเว้น เพราะบอกว่าปัญหาดังกล่าว สร้างความเสียหายกับถนนทางหลวงในหลายสาย ซึ่งต้องเสียงบประมาณในการซ่อมแซมเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้คุยกับนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้ส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุกเท่าที่มีข้อมูล ไม่มีแล้ว แต่เปลี่ยนรูปแบบใหม่ คือ เป็นลักษณะแจ้งเลขทะเบียนจริงรถบรรทุก และให้สังเกตบิเวณหลังคารถบรรทุก ซึ่งมักจะใช้ชื่อบริษัท หรือชื่อเล่นที่ตั้งขึ้นมาแล้วส่งข้อมูลไปผู้ที่รับส่วย ซึ่งประธานสหพันธ์ฯ ได้ยกตัวอย่างเป็นชื่อตัวเอง ชื่ออภิชาติ บริเวณหลังคาด้านหน้ารถก็จะมีชื่อติดว่า “อภิชาติ”โดยส่วนใหญ่จะจ่ายเป็นรายเดือนส่วนข้อมูลตัวเลขที่จ่ายตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล
นายอภิชาต ยังย้ำว่า ช่วงหลังมานี้ส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกไม่มีแล้ว แต่จะยังคงมีผู้มีทรงอิทธิพล วิ่งรถอยู่แบบไม่เกรงกลัวกฎหมายทั้งเช้า ทั้งเย็น และกลางคืน ซึ่งหลักๆที่พบคือบรรทุกน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนด
นายอภิชาติ ยังฝากถึงรัฐบาลใหม่ด้วยว่า หากเราต้องการสงวนหนทางให้มีระยะและอายุการใช้งานมากขึ้น แล้วไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุส่งผลให้ประชาชนที่สัญจรบนท้องถนนเสียชีวิตตนคิดว่าเราควร ให้ความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาตรงนี้ รวมทั้งขอฝากไปยังทุกคนที่เกี่ยวข้อง เช่น ผบ.ตร. และ ตำรวจสอบสวนกลาง ให้มุ่งมั่นแก้ปัญหาด้วยเช่นกัน
นายอภิชาติ ยังกล่าวว่า ปัญหาหลักที่ทำให้รถบรรทุกน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนด ล้วนมาจากเรื่องพลังงาน ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ผู้ประกอบการบางรายก็อาจจะเอาตัวไม่รอด จึงยอมเสียส่วยตรงนี้ขึ้นมาเพื่อให้สามารถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายได้ เป็นลักษณะที่ว่าเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อนเพื่อเอาตัวเองให้รอด
ทั้งนี้ ครม.ใหม่ ระบุว่าจะลดน้ำมันทันทีหลังการประชุม ครม.นัดแรกถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี หากลดได้การทำผิดกฎหมายจะลดน้อยลง
ขณะเดียวกันเราเข้าใจว่าคนที่ยอมไปซื้อสติกเกอร์หรือยอมทำผิดกฏหมาย ก็เพื่อเอาตัวเองให้รอด แต่ว่าในลักษณะนี้ก็ต้องเข้าใจเช่นกันว่าเป็นการทำผิดกฎหมายและเวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาสปอร์ตไลท์ก็จะส่องมาที่สหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ในฐานะที่สหพันธ์ฯ มีนโยบายไม่ส่งเสริมกระทำผิดกฎหมายจึงจำเป็นต้องรณรงค์ตรงนี้
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/OZeARvB-RFE
แท็กที่เกี่ยวข้อง ส่วยทางหลวง ,วิโรจน์แฉส่วยทางหลวง ,ส่วยสติกเกอร์