สังคม

ปัญหายังไม่จบ! รถบรรทุกน้ำหนักเกิน เปลี่ยนเส้นทางหนีด่านไปสายรอง ทำถนนพัง

โดย parichat_p

26 ก.พ. 2567

176 views

ปัญหาส่วยสติกเกอร์ช่วงนี้ดูเหมือนจะเงียบไป ส่วนหนึ่งเพราะหลังจากที่เกิดเหตุยิงตำรวจเสียชีวิตที่บ้านกำนันนกแล้ว ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ออกคำสั่งห้าม ตำรวจเก็บส่วย และหากพบรถบรรทุกแบกน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนด วิ่งก็จะสั่งดำเนินคดีจริงจัง ทั้งยังมีมาตรการยึดรถด้วย แต่ดูเหมือนปัญหารถบรรทุกแบกน้ำหนักเกินก็ยังมีอยู่ แม้ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะไม่เห็นสติกเกอร์ติดหน้ารถแล้ว แต่ก็พบว่าได้มีการเปลี่ยนไปใช้วิธีการอื่นๆ รวมทั้งเปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้า จากถนนหลักไปใช้ถนนรอง ก่อนหน้านี้ ทีมข่าว 3 มิติลงพื้นที่ไปสังเกตการณ์การปฎิบัติหน้าที่ร่วมกันสกัดจับรถบรรทุกแบกน้ำของเจ้าหน้าที่หลายหน่วย โดยครั้งนี้ ใช้วิธีการ เรียกตรวจทันทีวิ่งรถเข้าเขตทางหลวง


การตั้งด่านสกัดจับรถบรรทุกเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ สำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ กรมทางหลวง ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการสุ่มตรวจ รถรถบรรทุก น้ำหนักเกินกฏหมายกำหนด วิ่งบนท้องถนนทางหลวง หลังจากก่อนที่นี้ รัฐบาลกำชับสำนักงานตำรวจแห่งชาติปราบปรามส่วยสติกเกอร์ และรถบรรทุกเกินกฎหมายกำหนดอย่างจริงจัง


การตรวจสอบในครั้งนี้ พบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ 2 คันนี้ ที่บริเวณเส้นทางหลวง 347 หลักกิโลเมตรที่ 21 เขตพื้นที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บรรทุกดินมาเต็มคันทั้ง 2 คัน


ต่อมานายแทนศักดิ์ แสงสิงแก้ว นายช่างโยธาชำนาญงาน หัวหน้าชุดเฉพาะกิจตาชั่งลอย หรือชุดสปอร์ตเช็ค สำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ กรมทางหลวง ได้ให้เจ้าหน้าที่ชั่งเพื่อตรวจสอบน้ำหนัก พบว่า คันแรกหนักเกินกำหนด 25,000 กิโลกรัม รวมเป็นกว่า 75,000 กิโลกรัม จากที่กำหนดให้ รถพ่วง 22 ล้อลักษณะนี้ บรรทุกรวมน้ำหนักรถแล้วไม่เกิน 50,500 กิโลกรัม หรือ 50.5 ตัน.


คันที่ 2 เกินกฎหมายกำหนดเกือบ 20 ตัน นายแทนศักดิ์ บอกว่า แสดงให้เห็นว่า ยังมีผู้ประกอบการบางส่วนที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมายแม้จะมีการปราบปรามอย่างต่อเนื่องก็ตาม


ด้านนายปริญญา วิกุลศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ปช.ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ลงพื้นที่เฝ้าสังเกตุการณ์ด้วย ระบุว่าหลวงหมายเลข 347 จากอำเภอบางปะหันมุ่งหน้าจังหวัดปทุมธานี มีรถบรรทุกแบกน้ำหนักลักลอบวิ่งกันอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่ออกมาตรวจจับก็หนีไปวิ่งเส้นรอง ถนนทางหลวงชนบท ซึ่งทำให้ถนนพังเสียหาย


เบื้องต้น จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันแก้ปัญหา โดยจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งเป็นแผนทำงานแบบบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาและเอาจริงเอาจังกับรถบรรทุกที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง


ขณะที่นายศุภศักดิ์ รุ่งเจิดฟ้า ที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ผลักดันการปราบปรามส่วยสติกเกอร์และรถบรรทุกเกินกฎหมายกำหนดมาตลอด เห็นว่า หากเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายร่วมมือกัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน คณะทำงาน ปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินอาจจะลดลง เพราะก่อนหน้านี้ หากรถบรรทุกรถเหล่านี้รู้ว่า มีด่านตรวจอยู่บนทางหลวง ก็จะเลี่ยงไปใช้เส้นทางรอง และทางหลวงชนบท ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับฝ่ายปกครองแต่ละท้องที่ นอกจากนี้ ที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ยังเสนอแนะด้วยว่า ควรมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย เพราะมีอำนาจดำเนินคดีกับรถที่ก่อมลพิษและสร้างมลภาวะทางอากาศ จากควันดำด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News