เลือกตั้งและการเมือง

"วีระ" แฉ "แรมโบ้" เรียกรับ 2 ล้าน ล็อกสเปกโครงการขยะ - "แรมโบ้" แถลงยันบริสุทธิ์ ท้าเปิดหลักฐาน

โดย paranee_s

3 ก.พ. 2566

70 views

วันนี้ (2 ก.พ. 2566) นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) พร้อมด้วยนายเอกลักษณ์ ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาดักรอ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามว่า ภาพ, พยาน และหลักฐาน รวมถึงคลิปวีดิโอ เรียกรับเงินจากนายเอกลักษณ์ ผู้เสียหาย จำนวนรวม 2 ล้านบาท ใช่นายเสกสกลจริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่านายเสกสกลไม่ได้เดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์


นายวีระ จึงให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 ก.พ. ให้ ดร.นัฎ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของนายเสกสกล ติดต่อมาที่ตน เพื่อขอนัดเคลียร์เรื่องนี้เป็นการส่วนตัว แต่ตนตอบไปแล้วว่าไม่ขอเคลียร์เป็นส่วนตัว เพราะตนเป็นผู้ตรวจสอบ แต่ตนจะขอมาพบนายเสกสกล ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ฯ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนายเสกสกล เพื่อให้นายเสกสกลได้เคลียร์เรื่องทุกเรื่องที่ถูกนายเอกลักษณ์ร้องเรียน


"การตรวจสอบต้องเปิดเผย โปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่ใช่เคลียร์กันลับหลัง ถ้าไปเคลียร์กันลับหลัง แล้วนายเสกสกลอุ้มผมไปฆ่าล่ะ ใครจะรับผิดชอบชีวิตผม หรือถ้าไปพบแล้วนายเสียสกลเอาไปพูดกับสังคม ผมไปตบทรัพย์เขาอีก อย่างนี้ ผมไม่ไปเคลียร์ส่วนตัว วันนี้จึงมาให้โอกาส เพราะผมจะมาสอบ ผมไม่ได้มายื่นเรื่องกับนายเสกสกลนะ นายเสกสกล เป็นผู้ถูกกล่าวหาผมก็จะมาให้ความเป็นธรรม รับฟังทั้ง 2 ด้าน แต่ต้องมายืนข้างผมแบบนี้ คุยกันต่อหน้าสื่อมวลชน" นายวีระกล่าว


นายวีระ ยังกล่าวต่อได้ว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้เพิ่งทราบ แต่นายเอกลักษณ์ เคยยื่นร้องเรียนต่อตนมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อกลางเดือนเมษายน 2565 แต่ตอนนั้นนายเอกลักษณ์ ถูกล็อบบี้จากเพื่อน ๆ ของนายเสกสกล โดยการจ่ายเงินคืนให้จำนวนหนึ่ง จึงยอมที่จะยุติเรื่อง


และก่อนหน้านี้นายเอกลักษณ์ ได้ยื่นเรื่องนี้ให้กับนายไทกร พลสุวรรณ เพื่อตรวจสอบนายเสกสกลแล้ว 1 ครั้ง และนายไทกร ก็จะยื่นเรื่องนี้ให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช) แต่ปรากฏว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ ทราบเรื่องก็เลยบอกให้นายไทกรหยุด และเคลียร์กับนายเสกสกล เรื่องนี้มีคลิปเสียงยืนยันชัดเจน และมีการรับปากว่า จะนำเงินมาคืนอีก 1 ล้านบาท แต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น ทำให้นายเอกลักษณ์ เปลี่ยนใจส่งไลน์และยื่นเอกสารร้องเรียนมาที่ตนอีกครั้ง พร้อมกับขอโทษที่ไม่รักษาคำพูด ตนจึงยอมช่วยเหลือ


นายวีระ กล่าวต่อว่า นอกจากไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือแล้ว นายเสกสกล ยังมีพฤติกรรม ข่มขู่คุกคาม และทำร้ายร่างกายนายเอกลักษณ์


จากนั้น นายเอกลักษณ์ ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้น จากกรณีที่ตนมายื่นร้องเรียนเรื่องการล็อกสเปกโครงการเก็บขยะมูลฝอยของ กทม. ในยุคของพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง แต่ปรากฏว่านายเสกสกล เรียกเข้าไปพบที่ห้องทำงาน ตึกนี้เลย อ้างว่าสามารถช่วยเหลือได้ เพราะรู้จักกับผู้ว่าฯและนายกฯเป็นอย่างดี งวดแรกจ่ายไป 300,000 บาท ตอนหลังจ่ายไปอีก 700,000 แสนบาท และก็จ่ายอีก 450,000 บาท และยังมี 50,000 บาท โอนให้กับลูกน้อง รอบสุดท้ายโอนอีก 500,000 บาท รวมแล้วกว่า 2 ล้านบาท ที่ต้องจ่ายให้นายเสกสกลไป แต่ไม่ได้ให้โอนเข้าบัญชีตรง ให้โอนเข้าบัญชีของบุคคลใกล้ชิด


นอกจากนี้ยังทำตัวอวดอ้างว่ารู้จักกับคนนั้นคนนี้ ใครที่มาร้องทุกข์ หากเป็นคนรวยก็จะเรียกขึ้นเข้าพบส่วนตัว ส่วนคนจนจะเข้าตามกระบวนการ


นายเอกลักษณ์ ระบุต่อว่า ที่ผ่านมาตนพยายามติดต่อนายเสกสกลหลายครั้ง เพื่อขอเงินคืน เมื่อทราบข่าวว่านายเสกสกล จะเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงไปดักรอ ทำให้นายเสกสกล ก็รับปากว่าจะคืนเงินให้ แล้ววันที่พลเอกประยุทธ์ เข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนก็ไปดักรอนายเสกสกลอีกครั้ง ซึ่งเมื่อพบหน้าก็ตกใจ จึงให้ลูกน้องรับปากว่าจะคืนเงินให้ จนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ได้นัดเจอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านจตุจักร


"ตอนแรกเขาทำทีพูดดีกับผม แต่พอผมเผลอ เขาก็เข้ามาล็อกคอ และต่อยผม ดันผมไปที่ลูกน้องเขา ให้ลูกน้องเขาทำร้ายผมต่อ ผมพยายามวิ่งออกมาแล้วตะโกนให้คนช่วย ตะโกนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้คนช่วยผม แล้วผมก็วิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ไปฟ้อง รปภ. แต่บังเอิญว่าตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด พอจบเหตุการณ์วันนั้นผมคิดว่ามันไม่ไหวแล้ว จึงนำเรื่องมาแจ้งให้กับพี่วีระ" นายเอกลักษณ์กล่าว


ทั้งนี้ นายวีระ รอนายเสกสกล นานกว่า 15 นาที แต่ก็ไม่ปรากฏว่าที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ นายวีระ จึงกล่าวว่า "นายเสกสกล หายหัว ไปไหน ทำไมไม่ออกมาพบ กลัวอะไรฮะ นายเสกสกล คุณกลัวอะไร คุณเป็นถึงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กลัวความจริงหรอ คนกล่าวหาว่าผมหาเรื่องใส่ความคุณ และขู่ว่าจะดำเนินคดีหมิ่นประมาท แต่แค่นี้ยังไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับผมเลย ถ้าแน่จริงออกมาเดี๋ยวนี้ ผมจะบอกกับคนทั้งประเทศเลยว่านายเสกสกล กลัวความจริง "


นายวีระ บอกว่าเรื่องนี้ไม่จบเพียงเท่านี้แน่นอน ขอเรียกร้องไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นคนแต่งตั้งนายเสกสกล เป็นที่ปรึกษา ทั้งที่คนทั้งประเทศไม่เชื่อมั่น จะรับผิดชอบอย่างไร และหลังจากนี้ตนจะไปยื่นเรื่องร้องต่อ ป.ป.ช.ด้วย และไม่ว่านายเสกสลกจะเดินทางไปที่ใด ตนก็จะไปพบทุกที่


อย่างไรก็ตามนายวีระ ย้ำว่า ตนได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยแล้ว ดังนั้น เรื่องที่ดำเนินการวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องของการเมือง หากใครไปพูดว่าเป็นเรื่องการเมืองตนจะขอดำเนินคดี


ขณะที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แถลงตอบโต้ กรณีที่ นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น​ พานายเอกลักษณ์ ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย​ถูกนายเสกสกล เรียกรับเงิน 2 ล้าน เพื่อช่วยปรับสเปคโครงการประมูลจัดเก็บขยะมูลฝอยของ กทม.


โดยนายเสกสกล ยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง พร้อมท้า หากมีหลักฐานให้นายเอกลักษณ์ เอาสลิปเงินโอนมาแสดงว่า ตนรับตรงไหน เพราะจากข้อเท็จจริงนายเอกลักษณ์ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนรับเงินจาก"เฮียบุ๊ง ชัยพล" แต่ "เฮียบุ๊ง" ก็ได้มายืนยันแล้วว่าตนไม่เคยรับเงินจากเขาแม้แต่บาทเดียว เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องจริง อีกทั้ง"เฮียบุ๊ง" ก็มาเป็นพยานให้ตนด้วย จึงต้องย้อนถามกลับว่านายเอกลักษณ์ เสียหายอะไร ทั้งที่ ความเป็นจริงคนที่เสียหาย คือ ตนเพราะทุกวันนี้ถูกเรียกตบทรัพย์จากนายเอกลักษณ์ หลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น"เฮียบุ๊ง" ก็ยืนยันอีกเสียงว่า ถูกเรียกตบทรัพย์จากนายเอกลักษณ์เช่นกัน


"ล่าสุด ก่อนจะมีเรื่องนี้ขึ้นมา ก็โทรมาหาผู้ติดตามผม ก็บอกว่าขออีก 300,000 บาท ถ้าได้ 300,000 บาทจะแบ่งให้ผู้ติดตามผม 50,000 บาท คราวแรกก็ขอ 800,000 บาทบอกได้ 800,000 บาทจะแบ่งให้ใช้ ถ้าพูดง่ายๆคือเอาลูกน้องผมมาแทงผม"


เมื่อถามว่า รู้จักกับนายเอกลักษณ์ ได้อย่างไร นายเสกสกล เล่าว่า รู้จักกันเมื่อตอนปี 2562 โดยมี อดีต ส.ส.พามาฝากว่าเป็นลูกน้อง มาพร้อมกับ"เฮียบุ๊ง" มาคุยเรื่องงาน และเขาอยากพบผู้ว่า กทม.สมัยนั้นคือพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งตนก็บอกว่าพบได้ แต่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง


"จะดีลงานก็ดีลก็เรื่องของท่าน แต่ผมไม่รับผลประโยชน์อะไรนะ วันที่ผมไปประชุม เขาไปส่งผมแล้วก็แอบถ่ายรูป ซึ่งยืนยัน พลตำรวจเอกอัศวิน ไม่เคยรับปากอะไรผม ก็แค่คุยกันธรรมดาว่า กำลังทำงานเรื่องนี้ ส่วนจะได้งานหรือไม่ได้งาน ผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะการประชุมวันนั้น เป็นเรื่องแก้ไขปัญหาหาบเร่​แผงลอย ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องการดีลงาน และไม่รู้ว่าได้หรือไม่ได้ ผู้ว่าว่าฯ หรือ กทม.เขาให้ใคร เราก็ไม่รู้เรื่อง เขามาติดตามผมไปทำงานบ่อยมาก แล้วก็พยายามมาประจบสอพลอ เรียกว่านายครับนายครับ ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้กลั่นกรองอะไร ขออย่างเดียวเป็นคนดี ไม่แสวงหาผลประโยชน์ มาเป็นนักต้มตุ๋น ล็อบบี้ยิสต์​ มาสร้างความเสียหายให้กับผม ผมไม่ทำอยู่แล้ว เพราะท่านนายกสั่งชัดเจนแล้วว่า เรื่องทุจริตคอรัปชั่น จะไม่มีการทุจริตโกงกินอะไรอยู่แล้ว ผมยึดตามคำสั่งท่านนายกตลอด ดังนั้น ผมเชื่อมั่น ความบริสุทธิ์ และพร้อมจะพิสูจน์ ตามกระบวนการกฎหมาย ทุกอย่างที่นายเอกลักษณ์ พูดมีอยู่คำเดียวว่า ผมเรียกตบทรัพย์ ถ้าผมเรียกตบทรัพย์จริง ค่อยเล่นงานผม สิ่งที่นายเอกพูดเป็นเท็จ ไม่เป็นจริง และไม่มีอะไรที่เสียหายต่อหน้าที่การทำงานของผมเลย"


เมื่อถามว่า ตอนนี้ยืนยันใช่หรือไม่ว่า บริสุทธิ์สะอาด นายเสกสกล กล่าวว่า แน่นอน บริสุทธิ์ มิเช่นนั้นคงไม่กล้ามานั่งแถลงต่อสื่อมวลชน หากไปรับเงินรับทองเขาจริง พร้อมขอให้สื่อมวลชนช่วยกันติดตามพฤติกรรมของคนนี้ เพื่อเอาเขาคุกให้ได้ เพราะมีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ตนก็ไปแจ้งความไว้หลายครั้งหลังจากที่ถูกคนๆนี้คุกคาม รวมถึงวันที่ร้านกาแฟ ที่เขากล่าวหาตนว่าทำร้ายร่างกายเขาด้วย ทั้งที่ข้อเท็จจริง วันนั้นเขาปรี่เข้ามาหาตนก่อน และตนก็ไปแจ้งความก่อนที่นายเอกลักษณ์ จะไปแจ้งความว่าถูกทำร้ายร่างกายด้วย ดังนั้น ต้องช่วยกัน อย่าให้มีการกรรโชกทรัพย์เกิดขึ้นในประเทศไทย


ส่วนคลิปเสียงที่นายวีระ ขู่ว่าจะเปิดเผย นายเสกสกล ท้าให้เปิดเลย เพราะตนเนี่ยมีคลิปหลักฐานชัดเจนว่าคนเหล่านั้นกรรโชกทรัพย์ตน เมื่อถามว่าเหตุใด จึงไม่ไปเผชิญหน้ากับนายวีระ เพื่อ แสดงความบริสุทธิ์ใจ นายเสกสกล ​กล่าวว่า ไม่รู้จะไปพบทำไมให้ปะทะกัน เพราะเขาไปพบกับพวกโจร จะไปทะเลาะด้วยทำไม และนายวีระ หลังจากที่นายกฯช่วยกลับมาประเทศไทย ก็ยังมาด่านายกรัฐมนตรี คนแบบนี้คบไม่ได้


อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐาน ไปแจ้งความเอาผิดนายวีระ และนายเอกลักษณ์ ฐานหมิ่นประมาท​ พรบ.คอมพิวเตอร์ ตนเชื่อว่านายวีระ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่ตกเป็นเครื่องมือแก๊งพวก 18 มงกุฎ ไม่มีเรื่องจริงสักเรื่อง หวังทำลายหวังดิสเครดิต หวังด้อยค่าทางการเมืองตน เพราะตอนนี้ตนกำลังทำงานการเมืองในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ

คุณอาจสนใจ

Related News