เลือกตั้งและการเมือง

'สุเทพ' เฮ! รอดคดีฮั้วประมูลโรงพัก - 'ชูวิทย์' ยินดีด้วย คาใจเงินกว่า 5,800 ล้าน ใครต้องรับผิดชอบ?

โดย nattachat_c

21 ก.ย. 2565

31 views

วานนี้ (20 ก.ย. 65) เวลา 9.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.23/2564 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (โจทก์) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก รวม 5 คน (จำเลย) ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ)


โดย 6 จำเลย มีดังนี้

  • นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็น จำเลยที่ 1
  • พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น จำเลยที่ 2
  • พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ กรรมการประกวดราคา เป็น จำเลยที่ 3
  • พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ กรรมการประกวดราคา เป็น จำเลยที่ 4
  • บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็น จำเลยที่ 5
  • นายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็น จำเลยที่ 6


ข้อหาคือ เปลี่ยนแปลงแนวทางจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง โดยมีมูลค่าความเสียหาย 5,485 ล้านบาท 


โดยจำเลยทั้งหมดมาศาลครบ มีอดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. มาให้กำลังใจ ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปในศาล นายสุเทพ ได้บอกว่า ตกเป็นจำเลยมา 10 ปี วันนี้อยากให้ศาลคืนความเป็นธรรม อยากให้จบลงภายในวันนี้ ถ้าชนะคือความบริสุทธ์ ถ้าแพ้ก็ก้มหน้ารับ


ในเวลาต่อมา ศาลอ่านคำพิพากษา ระบุว่า ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล ตร. ไม่เป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ตร. ระบบราชการ และระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง


ส่วน จำเลยที่ 2 ในฐานะที่เป็นหัวหน้าส่วนราชการที่ได้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง ในการกำหนดแนวทางและวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้น เมื่อ ครม. ไม่ได้มีมติกำหนดรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้างใด ๆ จึงสามารถดำเนินการเองได้โดยไม่ต้องรับการอนุมัติจาก ครม. ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการใช้อำนาจและดุลพินิจตามหน้าที่ ไม่ใช่การกระทำที่มิชอบตามกฎหมาย จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง


ส่วน จำเลยที่ 3 และ จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องดำเนินการตามขั้นตอนในการประมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พิจารณาจากผู้ที่ประเมินราคาต่ำสุด ซึ่งการพิจารณาดังกล่าว ไม่ได้เป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และไม่พบการมีส่วนได้ส่วนเสียจากการกระทำ จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง


ส่วน จำเลยที่ 5 และ จำเลยที่ 6 เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3-4 กระทำความผิด จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 5-6 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดจำเลยที่ 3-4 จำเลยที่ 5 และ 6 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

-------------

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์หลังจากศาลฎีกามีคำสั่งยกฟ้องคดีฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพัก 396 แห่ง และโครงการก่อสร้างอาคารที่พักแฟลตตำรวจ ว่า


นต้องตกอยู่ภายใต้กระแสการโจมตีว่าเป็นคนเลว คนทุจริต เกือบ 10 ปี อดทนอดกลั้นและอาศัยความจริงเข้ามาต่อสู้ ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และรู้ว่าเราตั้งใจทำความดีให้กับชาติบ้านเมือง และประชาชน จะได้รับการคุ้มครอง


“ในระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยแบ่งเป็นสามฝ่าย อำนาจตุลาการของศาล ยังเป็นที่พึ่งหลักของบ้านเมืองได้ คนที่ยึดมั่นในหลักการ ยึดมั่นในระบบขอให้มีกำลังใจ สำหรับตนทนทุกข์ทรมานใจมานาน ตอนนี้หมดทุกข์ หมดโศก พ้นเคราะห์ จะเดินหน้าทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชนตามอุดมการณ์ต่อไป ในชีวิตของตนทุ่มเททำงานให้กับบ้านเมืองและประชาชนด้วยความสุจริต ไม่มีใจที่จะคิดคตทรยศต่อแผ่นดิน ไม่ใช่คนทุจริตคอรัปชั่น ทุกอย่างได้พิสูจน์แล้ว ใครที่เคยกล่าวหาโจมตี ตนขอโหสิให้”


เมื่อถามว่า ได้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาแล้ว จะดำเนินการฟ้องร้องกับผู้ทำให้เสียหายนอกจากนายธาริต เพ็งดิษฐ์หรือไม่ นายสุเทพ เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิด หลังจากนี้จะไปกลับไหว้ศาลหลักเมือง ไหว้พระแก้วมรกต เพราะเวลาต่อสู้คดีตนได้ตั้งสัตย์อธิษฐาน ตนใช้ความจริงในการต่อสู้ ไม่ได้คิดหรือว่าโทษอะไรใครทั้งสิ้น


ส่วนต่อไปนี้จะเดินหน้าทางการเมืองอย่างไรนั้น นายสุเทพ ระบุว่า “ตนต้องการสนับสนุนพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง ตนได้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลัง ที่มี ส.ส. 5 คน และมีรัฐมนตรี 1 คน เราทำประโยชน์ให้กับประชาชนมามาก ช่วงที่ก่อตั้งพรรคตนถูกโจมตีจากข้อมูลเท็จ แต่วันนี้ตนพ้นผิดมีกำลังใจในการเดินหน้าทางการเมืองต่อไป ยืนยันไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่จะขอสร้างนักการเมืองที่ดีมาทำงานเพื่อประชาชน


“อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย เคยลั่นสัจจะวาจาไว้แล้วตอนเดินขบวน ว่าจะไม่กลับไปยุ่งทางการเมือง ส่วนสมาชิกพรรคที่จะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ตนก็ไม่ทราบว่าจะรอดหรือไม่ ต้องรอการตัดสินวันที่ 30 กันยายน ตนไม่มีพาวเวอร์อะไรมีแต่หัวใจ ทุกอย่างที่ทำทำเพื่อหัวใจ หัวใจที่รักชาติ รักแผ่นดิน รักประชาชน ยืนยัน ตนไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปช่วยใครได้”


นายสุเทพ ยังยืนยันว่า ตนไม่ได้บนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนให้รอดคดี พร้อมกับชวนสื่อมวลชนไปไหว้พระหลังจากฟังคำพิพากษา


จากนั้น เวลา 12.40 น. นายสุเทพ เดินเท้าต่อไปยังศาลหลักเมือง พร้อมกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และ กลุ่ม กปปส. ซึ่งขนาบข้างด้วยนายสกลธี ภัททิยกุล และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ท่ามกลางฝนตกลงมาปรอยๆ โดยเมื่อไปถึงนำพวงมาลัยไหว้ขอพรในใจประมาณ 3 นาที


หลังจากนั้นเดินทางต่อไปวางดอกไม้ และแสดงความอาลัยต่อการจากไปของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ และไปสักการะพระแก้วมรกตในวัดพระศรีรัตนศาสดารามต่อ ก่อนจะเดินทางกลับ

-------------

ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ไลฟ์เฟซบุ๊ก เล่าว่า ตอนที่ตรวจสอบเรื่องการก่อสร้างโรงพัก 396 เมื่อปี 2554 ขณะนั้นเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เคยพูดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นว่าต้องมีคนรับผิดชอบ คดีนี้แม้จะช้าไป 10 ปี แต่วันนี้ทุกฝ่ายได้ทำกระบวนนี้ได้สมบูรณ์แล้ว เพราะศาลได้ตัดสินแล้วว่า คุณสุเทพ เป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องขอแสดงความยินดีด้วย


แต่ยอมรับว่า ส่วนตัวยังแอบคาใจเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น ใครต้องเป็นคนรับผิดชอบ เพราะมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกว่า 5,800 ล้านบาท ซึ่งคุณชูวิทย์บอกว่า ถึงพูดไปตอนนี้ก็คงไม่เหลืออะไรเป็นหลักฐานแล้ว  

-------------

วานนี้ (20 ก.ย. 65) ผู้สื่อข่าวมีรายงานจากกองคดีและกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเมื่อวันที่ 8 ก.ย.65 ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาคดีที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)​ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่มีปัญหาล่าช้า และผิดสัญญาไม่ส่งมอบงานตามกำหนด


โดยศาลปกครองกลางพิพากษาให้บริษัท พีซีซี ชดใช้ค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 1,500 ล้านบาท ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนค่าเสียหายเกี่ยวกับการก่อสร้างแฟลตตำรวจอยู่ระหว่างการพิจารณาเรียกร้องค่าเสียหาย


ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างสถานีตำรจ 396 แห่ง และแฟลตตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า ขณะนี้อาคารทั้งหมดก่อสร้างเสร็จและส่งมอบงานเรียบร้อยหมดแล้ว

-------------

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า เบื้องต้นสำนักคดี สำนักงาน ป.ป.ช.ต้องขอคัดสำเนาคำพิพากษาฉบับเต็มมาพิจารณา และวิเคราะห์ก่อน หลังจากนั้นจึงส่งไปยังที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป


แต่ตามกฎหมายศาลฎีกาฯฉบับใหม่ เปิดช่องให้โจทก์และจำเลยสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาอีกครั้งได้ เรื่องนี้คงต้องรอดูว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะอุทธรณ์เรื่องนี้หรือไม่


เมื่อถามว่า กรณีนี้ ป.ป.ช.ไม่ได้มีการฟ้องในประเด็นเรียกรับสินบนทำให้พยานหลักฐานอ่อนลงหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า เชื่อว่าสำนวนตอนฟ้องทำสมบูรณ์และต่อสู้คดีอย่างเต็มที่แล้ว


ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์สามารถทำได้ หรือหากใครมีเบาะแส ข้อเท็จจริงใหม่สามารถส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาเพิ่มเติมได้เช่นกัน


ส่วนกรณีเรียกรับสินบน ยอมรับว่าพยานหลักฐานไปไม่ถึง เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับมาเป็นข้อมูลเชิงลึก ไม่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน จึงฟ้องเท่าที่มีพยานหลักฐานครบถ้วนเท่านั้น

--------------

คุณอาจสนใจ

Related News