เลือกตั้งและการเมือง

'โรม' จี้ 'บิ๊กตู่' สอบปมค้ากามเด็กสุราษฎร์ฯ ด้านลูกนักการเมืองดังยังไม่ปรากฏตัว

โดย thichaphat_d

9 พ.ค. 2565

58 views

กรณีศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ของ ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี


ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2564 ถึงปัจจุบัน ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 41 ราย แบ่งเป็น แม่เล้า 12 ราย ผู้ซื้อบริการ 28 ราย และผู้สนับสนุน 1 ราย คุ้มครองเด็กไม่เกิน 15 ปี จำนวน 10 ราย โดยได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีอย่างต่อเนื่องนั้น


โดยผู้ที่ใช้บริการการ มีทั้งข้าราชการ ครู หมอ ทหาร ตำรวจ และที่เป็นจุดสนใจคือ นายแสงโรจน์ กาญจนะ (ลูกชายของ นายชุมพล กาญจนะ อดีตนักการเมืองดังใน จ.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์) และเคยมีพฤติกรรมซื้อเด็กมาก่อนหน้านี้ 2 คดี ต่างกรรมต่างวาระ 


ซึ่งวานนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ได้มีการติดต่อเพื่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ เมื่อวานนี้ เวลา 17.00 น. ล่าสุด จากการตรวจสอบ ไม่พบว่ามีการเข้ามอบตัวแต่อย่างใด


ด้าน นายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ถูกกล่าวหาว่า ได้โทรไปหาที่บ้านพักเด็กสุราษฎร์ บอกว่าให้ทำยังไงก็ได้ให้เด็กปิดปาก หรือไม่ให้มีการซักทอดไปถึงผู้ใช้ริการ และตอนนี้ได้ถูกย้ายไปยัง กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ แล้ว


ส่วน นายเอ็ม ซึ่งมีหน้าที่เป็นครูพี่เลี้ยง ได้ใช้กำลังทำร้ายร่างกายและทุบตี เพื่อให้เด็กปิดปาก 

-----------

ความคืบหน้าล่าสุดวานนี้ (8 พ.ค. 65) พ.ต.อ.กิตติพงษ์ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กสุราษฎร์ธานี ว่า


หลังจากที่ได้สอบสวนปากคำพยานซึ่งเป็นเด็กในคุ้มครองของบ้านพักเด็กสุราษฎร์ธานี จำนวน 8 ปาก ซึ่งให้การว่า ได้ถูกนายเอ็ม หรือ นายสุวัฒน์ เผ่าพันธุ์ ซึ่งมีหน้าที่เป็นครูพี่เลี้ยง ได้ใช้กำลังทำร้ายร่างกายและทุบตี ไม่ให้เด็กบอกชื่อผู้ใช้บริการ 


จึงได้เรียกนายสุวัฒน์ พนักงานราชการ ตำแหน่งพี่เลี้ยง มาแจ้งข้อหาทำร้ายร่างการผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอัตรายแก่กายและจิตใจ, กระทำการอันเป็นการทารุณกรรมเด็ก และเป็นผู้ปฎิบัติงานในสถานแรกรับ ทำร้ายร่างกายหรือลงโทษด้วยวิธีการรุนแรงไม่เป็นไปตามที่ระเบียบกำหนด ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก และนำตัวขออนุญาตฝากขังที่ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี


โดยขณะนี้ นายสุวัฒน์ อยู่ระหว่างควบคุมตามอำนาจศาล โดยคาดว่าพนักงานสอบสวนจะสามารถสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการ เพื่อพิจาณาฟ้องต่อศาลแขวงสุราษฎร์ธานีได้ หลังจากรับผลการตรวจร่างกายของผู้เสียหาย


พ.ต.อ.กิตติพงษ์ (รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี) กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีการตรวจสอบพบว่า มีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่ง น.ส.อัจฉรา สุระกุล เป็นผู้กล่าวหา

  • ความผิดตามมาตรา 157 ฐานความผิด เป็นพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต
  • ความผิดมาตรา 139 ฐานความผิด ข่มขืนใจ เจ้าพนักงานให้ปฎิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ หรือให้ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าน หรือ ขู่เข็นว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
  • ข้อหาขัดขวางการสืบสวนการฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยถ้าเป็นการทำอย่างหนึ่งอย่างใด ตาม พรบ.ค้ามนุษย์


พนักงานสอบสวนในคดี ได้สอบปากคำประจักษ์พยานเสร็จเรียบร้อยจำนวน 3 ปาก และพยานแวดล้อมจำนวนหนึ่ง รอเพียงพยานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคาดว่าจะสามารถส่งสำนวนให้ ปปช.ประจำจังหวัดสุราษฎรธานีได้ ภายในสัปดาห์นี้


ทางด้าน พ.ต.อ.พัลลภ สุริยะกุล ณ อยุทธยา รอง ผบก.สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายอำนวยการศูนย์ปฎิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า


ในคดีนี้ ชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานในขบวนการค้าประเวณีเด็ก ที่มี น.ส.รุ่งฤดี เป็นแม่เล้า เรายังพบความเชื่อมโยงไปยังบุคคลอื่นๆ ในขบวนการอีกหลายคน แต่เป็นลักษณะเครือข่ายเฉพาะภายในพื้นที่


ส่วนกลุ่มผู้ซื้อบริการหลากหลายไปในหลายจังหวัด ซึ่งชุดทำงานยังคงเดินหน้าสืบสวนหาตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีไม่มียกเว้น เพื่อเป็นการคุมครองและช่วยเหลือเหยื่อ


โดยในช่วง 5 เดือนการทำงานอย่างต่อเนื่องของเจ้าหน้าที่ สามารถออกหมายจับส่วนที่เกี่ยวข้องได้จำนวน 42 หมาย ติดตามจับกุมได้ จำนวน 36 คน และยังไม่สามารถจับกุมได้ 5 หมาย ผู้ต้องหา 4 คน และในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมเป็นล็อตที่ 4


ข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับผู้ต้องหา 4 ราย ที่ยังคงหลบหนีการจับกุมนั้น มีผู้สนับสนุน เป็นหญิง 1 ราย และผู้ซื้อบริการทางเพศ 3 ราย โดยหนึ่งในนั้น คือ นายแสงโรจน์ กาญจนะ (ลูกชายของ นายชุมพล กาญจนะ อดีตนักการเมืองดังใน จ.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์) ซึ่งมีหมายจับที่ยังไม่สามารถควบคุมตัวได้ 2 หมาย ตำรวจแล้ว 


ด้านนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางจังหวัดไม่ได้ละเลยปัญหา และพอจะมีเบาะแสเกี่ยวกับพฤติกรรมการรวมกลุ่มของเด็ก ๆ เหล่านี้มาบ้าง แต่ที่ผ่านมามีเพียงหน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุราษฎร์ธานี เท่านั้นที่ค่อยสอดส่องดูแล และให้ความช่วยเหลือ แต่ยอมรับว่าไม่ทั่วถึง


ซึ่งในส่วนของคดีอาญาก็ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมาย และทางจังหวัดตนจะเข้าไปดูแลเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ พม.จังหวัด ศึกษาธิการจังหวัด สพฐ และ สพม. เข้าติดตามและปรับทัศนคติเยาวชน รวมถึงปรับวิถีชีวิตและวิธีเลี้ยงดูเยาวชน โดยเฉพาะการให้ความรู้กับผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตรหลานในยุคโซเชียลที่ผู้ใหญ่เรา จะต้องเรียนรู้ให้เท่าทัน รวมถึงหาทางป้องกันไม่ให้บุตรหลานหลงผิด


นอกจากนั้น ตนได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดชุดติดตามกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเตร็ดเตร่ ไม่มีอาชีพเป็นหลักเเหล่ง และอยู่นอกระบบการศึกษา เเต่มีความเป็นอยู่หรูหราฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่กับสถานบันเทิง เช่น ผับ บาร์ เพื่อแก้ไขปัญหาเป็นรายๆ


และได้มอบหมายให้หน่วยงานด้านการศึกษาในทุกระดับชั้น เร่งติดตามให้เด็กและเยาวชนในกลุ่มเสี่ยงกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ทั้งภาคบังคับ และภาคสมัครใจ และการนำเด็กเข้าสู่กระบวนการฝึกอาชีพ รวมถึงตนจะทำหนังสือความร่วมมือของหน่วยงานระดับชาติ โดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ เเละกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม (DE) ให้ตรวจจับเเละบล็อคโทรศัพท์มือถือ หรือ IP Address (Internet Protocal Address) ที่เข้าถึงเว็บไซต์ หรือกลุ่มเพจที่เสี่ยงอันตรายเรื่องเพศและยาเสพติด

-----------

ด้าน นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงถึงประเด็นคดีค้าประเวณีที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งหมีเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเราเป็นห่วงเป็นอย่างมาก โดยการออกหมายจับ บางคน เป็นลูกชาย ของอดีตส.ส. หลายสมัย แห่งพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง และมีพี่สาว อยู่ในสภา เรื่องนี้ทำให้สังคมจับตามอง ว่าตกลงแล้วจะเป็นการล้มมวยหรือช่วยเหลือพวกพ้องหรือไม่


นายรังสิมันต์ ระบุว่า หลังจากที่ปรากฏว่ามีรองอธิบดี ของ พม. ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง กับการบังคับเหยื่อค้าประเวณี ด้วยการช่วยเหลือ ร่วมมือ ต่อคนที่กระทำความผิด คำถามที่สำคัญ คือ ทำไมคนระดับรองอธิบดี ที่มีสถานะทางราชการที่สูง ถึงเข้าไปเกี่ยวข้อง มีผู้ใหญ่ในกระทรวงให้ท้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ และกล้าเหิมเกิมทำขนาดนี้เลยหรือ


ดังนั้น สังคมต้องการคำตอบ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. ที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้มาตั้งแต่ปี 2562 ก่อนหน้านี้ เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นเวลานาน ไม่ใช่คนที่เพิ่งมีประสบการณ์ ตัวท่านเองย่อมรู้ ใคร คนแต่ละคน ที่ทำงานกับท่าน เป็นอย่างไร


และที่ตนทราบ ถึง ลูกชาย อดีตส.ส. หลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ คนนี้ ก็มีประวัติอาชญากรรม หลากหลายอย่าง ศาล ก็เคยมีคำพิพากษาในบางคดีไปแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้น ตนจึงตั้งข้อสงสัยอันดับที่หนึ่งว่าตกลงแล้ว เป็นการช่วยกันหรือไม่ เป็นกระบวนการที่กระทำกันเป็นขบวนเป็นระบบเพื่อช่วยให้ตัวผู้กระทำผิด ได้รับการช่วยเหลือ และทำให้รอดพ้นจากกระบวนการยุติธรรมหรือไม่


ดังนั้น ตนขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ควรจะมีมาตรการออกมาเพื่อตรวจสอบรัฐมนตรี จุติ ไกรฤกษ์ ด้วย เพราะเรื่องแบบนี้ หากเป็นสังคมอื่น รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบอย่างใดอย่างหนึ่งทางการเมืองไปแล้ว ที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ แต่เรายังไม่เห็นความรับผิดชอบใดใดของท่าน พร้อมย้ำว่านายกรัฐมนตรีอย่าเป็นห่วงเสถียรภาพของรัฐบาลจนลืมความถูกต้อง อย่าไปกังวล ว่าหากมีการปลดเปลี่ยนแปลงหรือตั้งกรรมการสอบจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ อย่าไปคิดแบบนั้น ตนอยากให้ นายกฯ แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ด้วย


การตั้งสอบภายใน ตนกังวลว่า เป็นการสอบแบบกันเองหรือไม่ สรุปสั้นๆ คือ คนของพรรคประชาธิปัตย์ ใช้อิทธิพล เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ากามในพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ และรองอธิบดี ก็มาพยายามช่วยเรื่องนี้ ตนไม่แน่ใจว่า เราจะได้การสอบสวนที่โปร่งใสเป็นธรรมกับคนที่เป็นเหยื่อหรือถูกกระทำในเรื่องนี้


ดังนั้น นายกฯ ควรออกมาตรการเชิงรุกในการตรวจสอบมากกว่านี้ เพราะหากเราไม่มีบุคคลภายนอกไปตรวจสอบ ที่ตำรวจก็เจอตอระดับหนึ่ง นายกรัฐมนตรีควรเป็นแบ็คอัพให้ ซึ่งเป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี ที่จะสั่งพักงาน รมว. พม. ก่อนได้ไหม รอให้เรื่องราวเสร็จสิ้น ไม่เช่นนั้น การช่วยเหลือจะเกิดขึ้นในกระทรวงต้นสังกัด


ไม่มั่นใจว่าการสอบโดยปลัดกระทรวงที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรี จะนำไปความโปร่งใส ต่อเรื่องนี้ได้ และตนเชื่อว่า นายจุติ ก็รู้ ว่าคนคนนี้ เป็นคนอย่างไร เขาเป็นคนที่มีประวัติซ้ำแล้วซ้ำอีกจำนวนมาก และเคยถูกศาลสั่งจำคุกกว่า 30 ปี ห่วงกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูและควรเร่ง ดำเนินการ และเป็นบททดสอบนายกรัฐมนตรีว่า ตัวแทนจะจัดการเรื่องนี้มากน้อยขนาดไหน


สุดท้ายเราจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เพียงเพราะว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถที่จะจัดการปัญหาทางการเมืองได้ เท่ากับว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถจัดการปัญหาอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ได้ นั่นหมายความว่าเรามีกระบวนการยุติธรรมที่เอื้อต่อคนที่มีอำนาจอย่างมาก และคนมีอำนาจไม่จำเป็นต้องรับผิดอะไร ตนเป็นห่วงว่าประเทศจะไปสู่จุดนั้น

-----------

ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ชี้แจงภายหลัง พรรคก้าวไกล จี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการสอบ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์


หลังปรากฎว่า รองอธิบดีเข้าไปมีส่วนในการช่วยเหลือผู้กระทำความผิด เชื่อมโยงลูกชายของ อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เรื่องนี้ ท่านนายกฯ ก็ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบสอบสวนอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องว่ากันตามหลักฐาน ว่ากันตามกฏหมาย


ส่วนที่พรรคก้าวไกล ขออย่าให้ นายกฯ ห่วงเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล หากต้องตั้งสอบนายจุติ โฆษกรัฐบาล เชื่อว่าเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเสถียรภาพของพรรคร่วม เพราะปัจจุบันพรรคร่วมรัฐบาลมีเสถียรภาพอยู่แล้ว


และเวลาที่เหลืออยู่นายกฯ ก็ย้ำเสมอว่า เป็นเวลาที่ต้องช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งตอนนี้เราได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 และสงครามรัสเซียยูเครน วันนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก ท่านนายกฯ คงไม่อยากไปยุ่ง หรือเน้นเรื่องการเมือง ขอทำงานให้กับบ้านเมือง แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนดีกว่า


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/p8z3J3wjxL8

คุณอาจสนใจ

Related News