เลือกตั้งและการเมือง

‘วีระ’ บุกแฉ! ‘แรมโบ้’ เรียกรับเงินกว่า 2 ล้าน วิ่งเต้นโครงการรัฐ จี้ นายกฯ คนแต่งตั้งรับผิดชอบ

โดย nicharee_m

3 ก.พ. 2566

124 views

‘วีระ’ บุกที่ทำงาน ‘แรมโบ้’ แฉ เรียกรับเงินกว่า 2 ล้าน อ้างรู้จัก ‘บิ๊กวิน-บิ๊กตู่’ ช่วยปรับสเปคโครงการเก็บขยะมูลฝอย กทม.ได้ ผู้เสียหายสุดทนไม่ได้เงินคืน ซ้ำถูกรุมทำร้ายกลางร้านอาหาร จี้ นายกฯ รับผิดชอบในฐานะคนแต่งตั้ง ลั่นตามทุกที่ไม่จบแค่นี้แน่

3 ก.พ.66 นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) พร้อมด้วยนายเอกลักษณ์ ผู้เสียหาย (ขอไม่เปิดเผยนามสกุล) ได้เดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาดักรอ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามว่า ภาพ / พยาน / และหลักฐาน รวมถึงคลิปวิดีโอ เรียกรับเงินจากนายเอกลักษณ์ ผู้เสียหาย จำนวนรวม 2 ล้านบาท ใช่นายเสกสกลจริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่านายเสกสกลไม่ได้เดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์

นายวีระ จึงให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 ก.พ. ให้ ดร.นัฎ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของนายเสกสกล ติดต่อมาที่ตน เพื่อขอนัดเคลียร์เรื่องนี้เป็นการส่วนตัว แต่ตนตอบไปแล้วว่าไม่ขอเคลียร์เป็นส่วนตัว เพราะตนเป็นผู้ตรวจสอบ แต่ตนจะขอมาพบนายเสกสกล ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ฯ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนายเสกสกล เพื่อให้นายเสกสกลได้เคลียร์เรื่องทุกเรื่องที่ถูกนายเอกลักษณ์ร้องเรียน

“การตรวจสอบต้องเปิดเผย โปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่ใช่เคลียร์กันลับหลัง ถ้าไปเคลียร์กันลับหลัง แล้วนายเสกสกลอุ้มผมไปฆ่าล่ะ ใครจะรับผิดชอบชีวิตผม หรือถ้าไปพบแล้วนายเสียสกลเอาไปพูดกับสังคม ผมไปตบทรัพย์เขาอีก อย่างนี้ ผมไม่ไปเคลียร์ส่วนตัว วันนี้จึงมาให้โอกาส เพราะผมจะมาสอบ ผมไม่ได้มายื่นเรื่องกับนายเสกสกลนะ นายเสกสกล เป็นผู้ถูกกล่าวหาผมก็จะมาให้ความเป็นธรรม รับฟังทั้ง 2 ด้าน แต่ต้องมายืนข้างผมแบบนี้ คุยกันต่อหน้าสื่อมวลชน” นายวีระกล่าว

นายวีระ ยังกล่าวต่อได้ว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้เพิ่งทราบ แต่นายเอกลักษณ์ เคยยื่นร้องเรียนต่อตนมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อกลางเดือนเมษายน 2565 แต่ตอนนั้นนายเอกลักษณ์ ถูกล็อบบี้จากเพื่อนๆ ของนายเสกสกล โดยการจ่ายเงินคืนให้จำนวนหนึ่ง จึงยอมที่จะยุติเรื่อง

และก่อนหน้านี้นายเอกลักษณ์ ได้ยื่นเรื่องนี้ให้กับนายไทกร พลสุวรรณ เพื่อตรวจสอบนายเสกสกลแล้ว 1 ครั้ง และนายไทกร ก็จะยื่นเรื่องนี้ให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช) แต่ปรากฏว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ ทราบเรื่องก็เลยบอกให้นายไทกรหยุด และเคลียร์กับนายเสกสกล

เรื่องนี้มีคลิปเสียงยืนยันชัดเจน และมีการรับปากว่า จะนำเงินมาคืนอีก 1 ล้านบาท แต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น ทำให้นายเอกลักษณ์ เปลี่ยนใจส่งไลน์และยื่นเอกสารร้องเรียนมาที่ตนอีกครั้ง พร้อมกับขอโทษที่ไม่รักษาคำพูด ตนจึงยอมช่วยเหลือ

นายวีระ กล่าวต่อว่า นอกจากไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือแล้ว นายเสกสกล ยังมีพฤติกรรม ข่มขู่คุกคาม และทำร้ายร่างกายนายเอกลักษณ์

จากนั้น นายเอกลักษณ์ ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจากกรณีที่ตนมายื่นร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ของทำเนียบรัฐบาล เรื่องโครงการเก็บขยะมูลฝอยของ กทม. มูลค่า 650 ล้านบาทในยุคของพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งตนเห็นว่าอาจจะมีล็อคสเปค แต่ปรากฏว่านายเสกสกล เรียกเข้าไปพบที่ห้องทำงาน ตึกนี้เลย อ้างว่าสามารถช่วยเหลือได้ เพราะรู้จักกับผู้ว่าฯและนายกฯเป็นอย่างดี

ต่อมามีการจ่ายเงินให้กับทางนายเสกสกลโดยโอนเข้าบัญชีของบุคคลใกล้ชิด งวดแรกจ่ายไป 300,000 บาท งวดที่สองไปจ่ายกันที่ กทม.อีก 700,000 แสนบาท และต่อมาก็จ่ายอีก 450,000 บาท และจ่ายเพิ่มไปอีก 50,000 บาทโดยโอนให้กับลูกน้องนายเสกสกล

และรอบสุดท้ายโอนอีก 500,000 บาท รวมแล้วกว่า 2 ล้านบาท ที่ต้องจ่ายให้นายเสกสกลไป แต่ไม่ได้ให้โอนเข้าบัญชีตรง ให้โอนเข้าบัญชีของบุคคลใกล้ชิด

ทั้งนี้นายเอกลักษณ์ อ้างว่า นายเสกสกลได้อวดอ้างว่ารู้จักกับคนนั้นคนนี้ ใครที่มาร้องทุกข์ หากเป็นคนรวยก็จะเรียกขึ้นเข้าพบส่วนตัว ส่วนคนจนจะเข้าตามกระบวนการ

นายเอกลักษณ์ ระบุต่อว่า ที่ผ่านมาตนพยายามติดต่อนายเสกสลหลายครั้ง เพื่อขอเงินคืน เมื่อทราบข่าวว่านายเสกสกล จะเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงไปดักรอ ทำให้นายเสกสกล ก็รับปากว่าจะคืนเงินให้ แล้ววันที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าสังกัดพรรครวมกรุงไทยสร้างชาติ ตนก็ไปดักรอนายเสกสกลอีกครั้งเมื่อพบหน้าก็ตกใจ จึงให้ลูกน้องรับปากว่าจะคืนเงินให้ จนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ได้นัดเจอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านจตุจักร

“ตอนแรกเขาทำทีพูดดีกับผม แต่พอผมเผลอ เขาก็เข้ามาล็อคคอ และต่อยผม ดันผมไปที่ลูกน้องเขา ให้ลูกน้องเขาทำร้ายผมต่อ ผมพยายามวิ่งออกมาแล้วตะโกนให้คนช่วย ตะโกนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้คนช่วยผม แล้วผมก็วิ่งไปหาเจ้าหน้าที่ไปฟ้อง รปภ. แต่บังเอิญว่าตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด พอจบเหตุการณ์วันนั้นผมคิดว่ามันไม่ไหวแล้ว จึงนำเรื่องมาแจ้งให้กับพี่วีระ” นายเอกลักษณ์กล่าว

ทั้งนี้ นายวีระ รอนายเสกสกล นานกว่า 15 นาที แต่ก็ไม่ปรากฏว่าที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ นายวีระ จึงกล่าวว่า “นายเสกสกล หายหัว ไปไหน ทำไมไม่ออกมาพบ กลัวอะไรฮะ นายเสกสกล คุณกลัวอะไร คุณเป็นถึงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กลัวความจริงหรอ คนกล่าวหาว่าผมหาเรื่องใส่ความคุณ และขู่ว่าจะดำเนินคดีหมิ่นประมาท แต่แค่นี้ยังไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับผมเลย ถ้าแน่จริงออกมาเดี๋ยวนี้ ผมจะบอกกับคนทั้งประเทศเลยว่านายเสกสกล กลัวความจริง”

นายวีระ บอกว่าเรื่องนี้ไม่จบเพียงเท่านี้แน่นอน ขอเรียกร้องไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นคนแต่งตั้งนายเสกสกล เป็นที่ปรึกษา ทั้งที่คนทั้งประเทศไม่เชื่อมั่น จะรับผิดชอบอย่างไร และหลังจากนี้ตนจะไปยื่นเรื่องร้องต่อ ป.ป.ช.ด้วย และไม่ว่านายเสกสลกจะเดินทางไปที่ใด ตนก็จะไปพบทุกที่

อย่างไรก็ตามนายวีระ ย้ำว่า ตนได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยแล้ว ดังนั้น เรื่องที่ดำเนินการวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องของการเมือง หากใครไปพูดว่าเป็นเรื่องการเมืองตนจะขอดำเนินคดี



คุณอาจสนใจ

Related News