ชื่นมื่น “ดอน” นำคณะนักธุรกิจไทยเยือนซาอุฯ ผลตอบรับเกินคาด

ชื่นมื่น “ดอน” นำคณะนักธุรกิจไทยเยือนซาอุฯ ผลตอบรับเกินคาด ทั้งสองฝ่ายกระชับความสัมพันธ์ใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าขยายพื้นที่ธุรกิจ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงภารกิจการเดินทางนำคณะผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนชุดใหญ่เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งแรกในรอบ 32 ปีระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคมว่า ในภาพรวมถือว่าประสบความสำเร็จเพราะทำให้ซาอุฯ ได้ตระหนักว่าเราสามารถเป็นมิตรที่ดี เป็นคู่ค้า และเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจของเขาได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก



เราตั้งต้นจากการเยือนของท่านนายกรัฐมนตรีว่า ไม่ว่าจะโรดแมปหรือกิจกรรมต่างๆ ที่เราร่วมมือกันจะต้องช่วยให้เกิดความเป็นหุ้นส่วนที่ยั่งยืน ความสัมพันธ์ที่มีศักยภาพ ความยอมรับซึ่งกันและกัน พ้นจาก 32 ปีที่ก่อนที่เราเป็นผู้ให้บริการอย่างเดียวในงานที่หาคนอื่นทำไม่ได้ แต่ปัจจุบันเราต้องยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ทราบว่าทั้งที่ริยาดและเจดดาห์เขาก็พึงพอใจและอยากเห็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมของความร่วมมือในเรื่องต่างๆ



นอกจากนี้ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องปุ๋ยที่ระดับสูงของซาอุฯ รับที่จะให้ความสำคัญกับไทยที่ขณะนี้ประสบปัญหาขาดแคลน ก็จะมีการดำเนินการให้ เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเร่งรีบตามพื้นฐานของความเป็นจริง



ต่อไปทุกอย่างต้องเดินต่อไปบนพื้นฐานนี้ อย่างน้อยมาตรฐานจะต้องไม่ตกหรือต้องทัดเทียมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหรือดียิ่งขึ้นกว่าเดิม หากเป็นเช่นนั้นการยอมรับที่มีต่อประเทศไทยจะมั่นคง แต่เมื่อไหร่ลดระดับลงไปปัญหาจะเกิดขึ้นตามมา



สิ่งที่ต้องดูต่อไปคือซาอุฯ ยอมรับว่าคณะที่ได้ร่วมเดินทางมาพูดคุยด้วยในครั้งนี้มีมาตรฐานสูง ทำให้เขาต้องการมีความสัมพันธ์กับเราในทุกเรื่องราวต่อไป ดังนั้นอะไรก็ตามที่ลดหลั่นไปจากนี้ ทำให้มีปัญหาหรือทำให้สะดุด ทำให้ต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับวิธีการของประเทศไทยในวงการไหนๆ ก็ตามต้องไม่ให้เกิด



ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปบนพื้นฐานนี้ มาตรฐานต้องไม่ตกจากสิ่งที่เกิดขึ้นใน 4 วันที่ผ่านมา หรือไม่ก็ต้องดีขึ้น ความยอมรับในประเทศไทยก็จะมั่นคง แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่มาตรฐานลดลงไป ปัญหาก็จะตามมา แต่เชื่อว่าเราก้าวพ้นสิ่งเหล่านั้นได้ ยกตัวอย่างว่าใครที่จะมาแล้วคิดว่าแค่จะมาตั้งโต๊ะขายของแบกะดินก็อย่าทำ เพราะเขาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ดำเนินไปในลักษณะที่ต่ำกว่ามาตรฐานนี้



สองสามวันที่ผ่านมาได้นำความเป็นรูปธรรมของการติดต่อและโอกาสที่จะได้เดินไปข้างหน้าร่วมกันให้เกิดความชัดเจนกับเขาแล้ว อย่าได้ถดถอย หรือใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ในมุมอื่นๆ ที่ไม่เอื้อต่อคนไทย ต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่ต้องรักษาให้ได้ และเดินไปข้างหน้าอย่างภาคภูมิใจ



ฝ่ายซาอุฯ ที่ได้พูดคุยเขาบอกเองว่าเขาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ดำเนินไปในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานนี้ นี่เป็นความคาดหวังและความปรารถนาที่จะเห็นการเดินไปข้างหน้าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวหรือการลงทุนในด้านใดๆ ก็ตามให้อยู่ในระดับที่เกิดประโยชน์ที่เป็นจริง



ทุกภาคส่วนของเราต้องช่วยกัน เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ต้องช่วยกันทำให้ทุกเรื่องให้เดินได้อย่างมั่นคงต่อไป เราต้องเห็นและต้องรู้ว่าคุณค่าอยู่ที่การรักษามาตรฐานของเราในการติดต่อกับซาอุฯ ให้ได้ด้วย




การเดินทางเยือยครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯดอน ได้เข้าเฝ้า “เจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซาอุดิอาระเบีย เพื่อหารือ ถึงแผนการขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคีไทย-ซาอุฯ และการจัดตั้งสภาความร่วมมือซาอุดี-ไทย ซึ่งทั้งสองฝ่าย เห็นพ้องในหลักการที่จะให้ยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางหรือวีซ่า ทางการทูตและราชการระหว่างกัน ส่วนการแต่งตั้งเอกอัครราชทูต นั้นทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน



ขณะที่เจ้าชายฟัยศ็อลฯ มีรับสั่งว่าจะเสด็จเยือนไทยในช่วงเดือนมิถุนายน เพื่อเตรียมการสำหรับการเสด็จพระราชดำเนิน เยือนประเทศไทยของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร ด้วย


การเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  ยังได้เป็นประธานเปิดงานเทศกาล สินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทย "Thailand Halal Food Festival 2022" ระหว่างวันที่ 15 - 21 พฤษภาคม 2565

ณ ห้าง Lulu Hypermarket โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ร่วมกับห้างสรรพสินค้า LuLu Hypermarkets จะจัดขึ้นและมีผู้แทนภาครัฐและเอกชนไทย เข้าร่วม  



ซึ่งในงานมีสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทยนับพันรายการมาจัดจำหน่าย อาทิข้าวหอมมะลิ /ปลากระป๋อง/ อาหารสำเร็จรูป และผลไม้ไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยัง มีการจัดบูธสินค้าที่สะท้อนเอกลักษณ์ของประเทศไทย  โดยได้รับความสนใจจากชาวซาอุฯมาเลือกซื้อสินค้าจำนวนมาก



นอกจากความคืบหน้าในด้านความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันแล้วประเด็นสำคัญในการเยือนครั้งนี้ มีภาคธุรกิจ และภาครัฐ กว่า100 คนร่วมคณะไปด้วย โดยเฉพาะนักธุรกิจแนวหน้าของเมืองไทย ได้จับคู่หารือทางธุรกิจกับผู้ประกอบการ ซาอุดีอาระเบีย ในงาน Saudi-Thai Investment Forum 2022 ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ โรงแรม Movenpick ในกรุงริยาด ผลักดันให้มีการขยายการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และลงนามความร่วมมือระหว่างกัน ก่อนจะเดินทางไปพบปะภาคธุรกิจที่เมืองเจดดาห์  ซาอุดีอาระเบีย  ซึ่งสภาหอการค้าเจดดาห์และมักกะห์ ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่คณะผู้แทนไทยจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ โดยเป็นงานการจับคู่ธุรกิจระหว่างภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายด้วย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางครั้งนี้ คณะจากประเทศไทยยังได้เยี่ยมชมโบราณสถาณ เมืองอัลอูลา ซึ่งเป็นเมืองประวัติศาสตร์มรดกโลก แห่งแรกของซาอุดีอาระเบีย และมีอายุนับพันปี เป็นเมืองโบราณที่สะท้อนถึงความเป็นอยู่ของผู้คนท่ามกลางทะเลทราย ตั้งแต่ยุคก่อนคริสตกาล



การเดินทางเยือนครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้รับการต้อนรับจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เป็นอย่างดี  โดยมีนายคาหลิด อับดุลอะซีซ อัลฟาลิฮ์ (Mr. Khalid Abdulaziz Al-Falih) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนขอฃซาอุดีอาระเบีย เดินทางมารับและมาส่งคณะฝ่ายไทยด้วยตัวเอง สะท้อนถึงความเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น