จ่อหมายจับ พรุ่งนี้ !! รองหัวหน้าพรรคฯใหญ่ ลวนลามสาว พร้อมประสานตม.กันหนีนอกประเทศ

วันนี้ (15 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.20 น.ที่สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) เปิดเผยภายหลังมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีที่มีรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ล่อลวงนักศึกษาสาววัย 18 ปี ไปกระทำอนาจารบนร้านอาหารชั้นดาดฟ้าในย่านสุขุมวิท โดยประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุและการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวจำนวนหลายปาก ขณะนี้มั่นใจแล้วว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ให้ออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในวันพรุ่งนี้ (16 เม.ย.) ทั้งนี้เชื่อว่าพยานหลักฐานที่ตำรวจสามารถรวบรวมได้ จะทำให้ศาลเชื่อในพฤติการณ์ของผู้ต้องหา และจะออกหมายจับให้ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่า จะดำเนินการออกหมายจับให้หรือไม่

นอกจากนี้ยังย้ำว่าคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามขั้นตอนไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือดึงคดี โดยสังเกตได้จาก ไทม์ไลน์ เวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งภายหลังจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความในวันที่ 12 เม.ย.ในวันพรุ่งนี้ก็จะไปขอศาลออกหมายจับแล้ว จึงขอให้สังคมมั่นใจว่าคดีดังกล่าวจะไม่มีการช่วยเหลือกันทางคดีอย่างแน่นอนแม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นนักการเมืองหรืออดีตรองหัวหน้าพรรคดังก็ตาม

สำหรับคดีของผู้เสียหายรายอื่น ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไปขอให้ศาลออกหมายจับในลักษณะเดียวกัน แต่เนื่องจากพฤติการณ์การก่อเหตุเป็นช่วงเวลาที่ต่างกันจึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานอีกสักระยะหนึ่ง ทั้งนี้ยังไม่มีแนวความคิดรวมคดีทุกคดีเป็นคดีเดียวกัน เนื่องจากผู้เสียหายคนละคน และช่วงเวลาการเกิดเหตุที่แตกต่างกันออกไป

ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายให้การกับตำรวจว่าพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุมีลักษณะคล้ายคนมีความผิดปกติทางจิตคล้ายคนมีอาการไบโพล่าหรือบุคลิกแตกต่างสุดขั้ว ซึ่งเกรงว่าผู้ก่อเหตุอาจใช้ประเด็นดังกล่าวในการต่อสู้ทางคดี รองผู้บัญชาการ ระบุว่าได้ให้พนักงานสอบสวนไปรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการรักษาของผู้ก่อเหตุแล้ว แต่เชื่อว่าแม้จะมีอาการป่วยทางจิตก็ไม่มีผลต่อการดำเนินคดีของตำรวจ

สำหรับผู้เสียหายรายล่าสุดที่เข้าแจ้งความในวันนี้ จากการสอบปากคำพบว่าผู้ก่อเหตุมีการชักชวนผู้เสียหายไปร่วมรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิทที่เดียวกับผู้เสียหายรายแรกที่เข้าแจ้งความกับสน.ลุมพินี จากนั้นได้มีการชวนไปพูดคุยเรื่องธุรกิจและเรื่องงานที่ห้องทำงานภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะล่วงละเมิดทางเพศ และมีการข่มขู่ไม่ให้แจ้งความ แต่ภายหลังจากที่นายสิทธา เบี้ยบังเกิดและผู้เสียหายอายุ 18 เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความโดยติดต่อผ่านทางนายสิทธาเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องขั้นตอนการแจ้งความและการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ

รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ให้เฝ้าระวังบุคคลที่ถูกกล่าวหาเพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศแล้ว