สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 1 ส.ค.65 เปลี่ยนสูตรเลือกตั้ง-คานสะพานหล่นทับรถ-ประชันดุริยางค์กรุงเทพ vs โคราช

โดย thichaphat_d

1 ส.ค. 2565

35 views

-สะเทือนขวัญ พระราม 2 คานสะพานกลับรถ หนัก 5 ตัน หล่นทับรถกลางถนน ตาย 2 เจ็บ 2 พ่อแม่ผู้เสียชีวิต สุดช็อกลูกชายดับคาเก๋ง ปล่อยโฮลั่น คนขับรถบรรทุกน้ำมัน เล่านาทีเฉียดตายหวิดเกิดโศกนาฎกรรม ขณะที่ผู้ว่าฯสมุทรสาคร แจ้งปิดถนน 100 เปอร์เซนต์ ขอประเมินความปลอดภัย และเคลียร์เส้นทาง แนะประชาชนหลีกเลี่ยง ถนนพระราม2 หน้าโรงพยาบาลวิภาราม ด้านอธิบดี กรมทางหลวง ขอโทษประชาชน เชื่อเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้เกิดจากความสะเพร่า

-ผู้โดยสารนกแอร์ เล่านาทีระทึกเครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ ขณะที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ประกาศปิดทางวิ่งออกไปอีก 3 วัน จนถึงพุธ นี้ 4 ทุ่ม เพื่อเคลื่อนย้ายเครื่องบิน ด้านการบินพลเรือน เร่งสอบ นกแอร์ - สนามบิน ปมอพยพ และการดูแลผู้โดยสาร เป็นไปตามมาตรฐาน หรือไม่

-ลูกค้าโวยห้างดังย่านฝั่งธนฯ ปัดความรับผิดชอบ หลังถูกงูเขียวหางไหม้กัดเท้า ขณะเดินออกไปลานจอดรถ ตัวแทนห้างปฏิเสธเยียวยา อ้างห้างไม่ใช่เจ้าของงู ทนายดังชี้ชัด ต้องรับผิดชอบ เพราะเหตุเกิดในพื้นที่ห้าง

-ไล่จับระทึก กลางเมืองอุบลฯ หนุ่มขับกระบะแหกด่านตรวจ หนี 10 กิโลเมตร ย้อนศรพุ่งชนรถชาวบ้าน ทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ สุดท้ายจนมุมหลังขับรถพุ่งเข้าร้านขายเสื้อผ้า บาดเจ็บ 4 ราย เจ้าตัวสารภาพ กลัวความผิด เพราะเพิ่งเสพยาบ้าเมื่อ 2 วันก่อน ส่วนที่เชียงราย ปส. เปิดปฎิบัติการจู่โจมค้นเป้าหมาย บุกจับ 3 ตัวการใหญ่ ระดับสั่งการ เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ ยึดทรัพย์ 60 ล้านบาท ยาบ้า 5.6ล้านเม็ด และเคตามีนอีก 10 กิโล

-สุดไพเราะ 4 โรงเรียนดัง จากโคราช และ กรุงเทพฯ ประชันดุริยางค์ ครบทุกอรรถรส สนั่นอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก ขณะที่ 2 ผู้ว่าฯ ชนหมัดกระชับมิตร แถมโชว์ลีลาเต้นสุด ผู้ว่าฯชัชชาติ หยอดถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมโคราช

-ปรับแล้ววันนี้ ราคาก๊าซหุงต้ม แอลพีจี ขึ้นกิโลกรัม ละ 1 บาท ส่งผลให้ก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กก. ปรับขึ้น 15 บาท ราคาขยับจาก 378 บาท อยู่ที่ 393 บาทต่อถัง

-รถบัสนักท่องเที่ยวไทย กลับจากทัวร์เวียดนาม ชนประสานงารถพ่วง ที่ สปป.ลาว รายงานเบื้องต้น ตาย 5 เจ็บ 23 รักษาตัวที่โรงพยาบาลแขวงสะหวันนะเขต ขณะที่สถานกงสุลใหญ่ เร่งประสานให้ความช่วยเหลือคนไทยแล้ว


เรื่องเล่าการเมือง

-ยังเป็นประเด็นใหญ่ สำหรับเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงสูตรเลือกตั้งที่มีข่าวว่าฝ่ายรัฐบาลจะเปลี่ยนใหม่อีก ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา เมื่อวานฝ่ายรัฐบาลออกมาปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายกฯ และ พี่น้อง 3 ป.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ตอบโต้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ระบุว่า รัฐบาลกำลังจะแก้กฎหมายให้กลับไปใช้บัตรใบเดียวเหมือนปี 2562 เพราะหวังจะได้เปรียบ ทั้งๆ ที่เพิ่งสั่งลูกน้องให้โหวตคว่ำสูตรหาร 100 ไปเอาแบบหาร 500

โดยโฆษกรัฐบาล ชี้แจงว่า อำนาจในการพิจารณากฎหมายดังกล่าวเป็นของสมาชิกรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาเห็นอย่างไรก็คงต้องเป็นไปตามนั้น รัฐบาลไม่มีอำนาจไปสั่งการใดๆ ได้เลย และอาจจะต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญอีกไม่นานรัฐบาลชุดนี้ก็จะหมดวาระแล้ว เอาเวลาที่เหลือมาช่วยกันทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนดีกว่า

อีกคนจากฝ่ายรัฐบาลที่ออกมา คือ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กปกป้อง " 3 ป." โดยระบุว่า มีบางคนอ้างว่า 3 ป. คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. / พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ว่าอยู่เบื้องหลังการจะให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว

นายสามารถ บอกว่าไม่ยุติธรรมที่มีการกล่าวหากันแบบนี้ และร่ายยาวถึงการเลือกตั้งในประเทศไทย 28 ครั้งที่ผ่านมา โดยบอกว่าก็มีการปรับเปลี่ยนกติกาไปตามยุคสมัย ฉะนั้นหากจะมีการเปลี่ยนสูตร ก็ไม่เกี่ยวกับ 3 ป.



-ทางด้านนักวิชาการ มองว่าการเปลี่ยนสูตรเลือกตั้งของนักการเมือง เพราะหวังชิงความได้เปรียบ แต่คิดไม่สะเด็ดน้ำ จึงเปลี่ยนกลับไปกลับมา

ด้าน รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารณ์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวการเมืองถึงการเปลี่ยนสูตรเลือกตั้งกลับไปกลับมาว่า เป็นการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง เพราะสูตรเลือกตั้งสามารถเปลี่ยนผู้ชนะทางการเมืองได้

แต่เนื่องจากไม่มีสูตรสำเร็จที่แต่ละพรรคจะได้ประโยชน์เหมือนกัน และคิดไม่รอบคอบ จึงเกิดสภาพเหมือนหนีเสือปะจระเข้ จึงทำให้แก้กลับไปกลับมา

อาจารย์สิริพรรณ บอกว่า ประชาชนต้องจับตาพฤติกรรมของนักการเมืองที่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ตัวเองในการกำหนดกติกาเลือกตั้ง และเมื่อถึงช่วงเวลาเลือกตั้ง ก็ต้องให้บทเรียนกับนักการเมืองเหล่านี้

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุพราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการกลับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไปมาดังกล่าวว่า ยังไม่สามารถคาดเดาได้ชัดว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่มองว่าการกระทำแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนต่อระบบรัฐสภา

สำหรับข้อสรุปในเรื่องสูตรเลือกตั้งนี้ ยังมีขั้นตอนอีกยาว / หลังผ่านรัฐสภาแล้ว ยังต้องรอดูว่า กกต.จะเห็นด้วยกับสูตร 500 ที่รัฐสภาเห็นชอบหรือไม่ และ อาจจะต้องมีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน / หรือสุดท้าย จะถึงขั้นกลับไปแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่



-ควันหลงอภิปรายไม่ไว้วางใจ "นิด้าโพล" เปิดผลสำรวจความเห็นประชาชน ถึงการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน และการชี้แจงของรัฐบาล

ในส่วนการทำงานของฝ่ายค้าน โดยรวมประชาชนมองว่าให้ข้อมูลชัดเจน โดยแบ่งเป็นชัดเจนมาก 42.43% ค่อนข้างชัดเจน 34.25% ไม่ค่อยชัดเจน 15.63% และไม่ชัดเจนเลย 7.69% ถ้ารวมส่วนที่ชัดเจนมากกับส่วนที่ค่อนข้างชัดเจน ก็จะได้เป็น 76.68 %

ส่วนการชี้แจงของฝ่ายรัฐบาล คือ 11 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย โดยรวมประชาชนเห็นว่าตอบคำถามไม่ชัดเจนมากกว่า

รัฐมนตรีที่มีประชาชนเห็นว่าตอบไม่ชัดเจนมากที่สุด คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีประชาชน ถึง 75.68% เห็นว่า ตอบคำถามไม่ชัดเจน

รัฐมนตรีที่ตอบไม่ชัดเจนรองลงมาคือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ถ้ามองอีกด้านว่ารัฐมนตรีคนไหนที่ได้รับคะแนนจากประชาชนมากที่สุดว่า ตอบได้ชัดเจน ปรากฏว่า คือ นายอนุทิน แต่ก็มีสัดส่วนประชาชนที่เห็นว่าตอบชัดเจน เพียง 25.56% เท่านั้น คือ ไม่ถึงครึ่งของประชาชนที่สอบถามทั้งหมด

ส่วนรัฐมนตรี ที่ได้คะแนนน้อยที่สุด คือ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ได้คะแนนเพียง 12.41%

อีกผลพวงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ / นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า วันพรุ่งนี้จะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินคดีกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง ข้อหาไม่ปฎิบัติการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน และไม่จัดให้มีการเปิดประมูลแข่งขันตามกฎหมาย ในโครงการประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี เสมือนเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน



-ประเด็นทางการเมืองล่าสุด คือ มีกลุ่มพลเมืองไทย รวม 99 คน ซึ่งมีทั้งนักวิชาการ ศิลปิน เอ็นจีโอ ได้เข้าชื่อเพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เมื่อวานนี้ นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และคณะ ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนวันที่ 24 สิงหาคม 2565 นี้ เนื่องจากดำรงตำแหน่งมาครบ 8 ปี ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้

ทางกลุ่มผู้ร่วมลงชื่อทั้ง 99 คน เห็นว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องการต่ออายุออกไปอีกโดยการตีความรัฐธรรมนูญบิดเบือนเข้าข้างตนเอง จะทำให้มีมลทินมัวหมองไปตลอดชีวิต และขัดกับคุณธรรมจริยธรรมของนักการเมืองอย่างร้ายแรง ทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรมและธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ จนเกิดความขัดแย้งและความวุ่นวายทางการเมือง

สำหรับผู้ร่วมลงชื่อ 99 คนนั้น ส่วนใหญ่เป็นนักพัฒนาเอกชนในเครือข่ายต่างๆ นอกจากนั้นเป็นนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ นักวิชาการอิสระ และศิลปิน และมีชื่อนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักคิดนักเขียน รวมอยู่ด้วย



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/JEk8CtKbpyo

คุณอาจสนใจ

Related News